บมจ.ผลิตภัณฑ์ตราเพชร (DRT) เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริษัทในการประชุมครั้งที่ 363 เมื่อวันที่ 27 มิ.ย.65 เห็นชอบให้มีการลงทุนในโครงการติดตั้งเครื่องจักรผลิตกระเบื้องหลังคาคอนกรีต ขนาดกำลังการผลิต 100,000 ตันต่อปี ณ โรงงานสระบุรี โดยใช้งบประมาณการลงทุนประมาณ 477 ล้านบาท ซึ่งมีระยะเวลาดำเนินการประมาณ 20 เดือน เนื่องจากปัจจุบันบริษัทฯ มีอัตราการใช้กำลังการผลิต 95% จึงจำเป็นต้องลงทุนเพื่อรองรับการขายที่เพิ่มขึ้น
นายสาธิต สุดบรรทัด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร DRT เปิดเผยว่า การลงทุนดังกล่าวเพื่อรองรับความต้องการสินค้าที่เพิ่มขึ้นในอนาคต โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าที่เป็นผู้ประกอบการพัฒนาที่อยู่อาศัยแนวราบ ที่มีแผนพัฒนาโครงการใหม่ในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดอย่างต่อเนื่อง คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ภายในไตรมาส 3/65 และแล้วเสร็จสามารถเดินเครื่องจักรเชิงพาณิชย์ได้ในช่วงต้นปี 67
ทั้งนี้ บริษัทจะส่งเสริมศักยภาพการดำเนินธุรกิจในกลุ่มผลิตภัณฑ์กระเบื้องหลังคา ซึ่งเป็นหนึ่งในสินค้าหลักของ DRT ให้มีความแข็งแกร่งมากขึ้นพร้อมรองรับกับการเติบโตในอนาคต จากปัจจุบันบริษัทใช้กำลังการผลิตของเครื่องจักรผลิตกระเบื้องหลังคา คิดเป็น 95% ของกำลังการผลิตรวม ซึ่งภายหลังการเดินเครื่องจักรเชิงพาณิชย์ในสายการผลิตดังกล่าว ทำให้ DRT บริหารจัดการด้านการผลิตให้มีความยืดหยุ่น สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างดีขึ้น
"การขยายกำลังการผลิตครั้งนี้ คาดว่าจะใช้แหล่งเงินทุนจากกระแสเงินสดในการดำเนินงานและกู้ยืมจากสถาบันการเงินบางส่วน เนื่องจากบริษัทฯ มีสถานะทางการเงินที่เข้มแข็ง มีสภาพคล่องที่ดีและมีอัตราหนี้สินต่อทุนต่ำเพียง 0.49 เท่า ทำให้เรามีความสามารถลงทุนเพิ่มเติม โดยไม่ส่งผลกระทบการจ่ายเงินปันผลแต่อย่างใด" นายสาธิต กล่าว
นางสาวพิชญานันท์ ล้อวรลักษณ์ ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการขายและการตลาด DRT กล่าวว่า ทิศทางตลาดวัสดุก่อสร้างในครึ่งปีหลัง คาดยังขยายตัวได้ต่อเนื่อง จากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่คึกคักมากขึ้น หลังภาครัฐเตรียมประกาศให้โรคโควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่น และการเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ส่งผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นของภาคเอกชนและผู้บริโภคปรับตัวดีขึ้น แม้ปัจจุบันยังมีความเสี่ยงจากต้นทุนพลังงานเพิ่มขึ้นที่ยังเป็นปัจจัยที่เป็นแรงกดดันต่อเศรษฐกิจและการดำเนินธุรกิจของภาคเอกชน
อย่างไรก็ตาม DRT เชื่อมั่นจะสามารถบริหารจัดการความเสี่ยงดังกล่าวได้ จากการมุ่งรักษาอัตราการเดินเครื่องจักรเฉลี่ย 80-90% พร้อมตอกย้ำจุดเด่นด้านความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ ?ตราเพชร? เพื่อตอบสนองสนองความต้องการลูกค้า ผ่านช่องทางจำหน่ายห้างค้าปลีกวัสดุก่อสร้างสมัยใหม่แบรนด์ต่างๆ ที่พบว่า คู่ค้าแต่ละรายต่างเร่งลงทุนเปิดสาขาใหม่หลายแห่งในช่วงครึ่งปีหลัง และช่องทางตลาดต่างประเทศที่มีแนวโน้มฟื้นตัว หลังสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศเพื่อนบ้านคลี่คลายไปในทางที่ดี และบริษัทฯ เริ่มกลับเข้าไปทำกิจกรรมการตลาดอีกครั้งเพื่อกระตุ้นยอดขายให้เพิ่มขึ้น
นายกำชับ วัฒนธรรม ผู้จัดการฝ่ายขาย (อาวุโส) DRT กล่าวว่า ส่วนกลุ่มลูกค้าผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เป็นอีกช่องทางที่มีทิศทางเติบโตที่ดีมาก โดยผู้ประกอบการที่เป็นลูกค้าหลักของบริษัทฯ หลายราย วางแผนเร่งพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ทำให้มีความต้องการใช้สินค้าและบริการมากขึ้น เช่นเดียวกับช่องทางจำหน่ายร้านค้าปลีกวัสดุก่อสร้างรายย่อยที่มีคำสั่งซื้อสินค้าเพิ่มขึ้น หลังจากประเมินแล้วว่าราคาน้ำมันไม่มีแนวโน้มที่จะปรับลดลงในเร็วๆ นี้ จึงเพิ่มปริมาณสต๊อกสินค้าเพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภค ทำให้ช่องทางดังกล่าวมีอัตราการขยายตัวที่ดี