บมจ.ซี.ไอ.กรุ๊ป (CIG) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 4/2565 อนุมัติให้บริษัทจัดตั้งบริษัทย่อยแห่งหนึ่ง ซึ่งถือหุ้นโดยบริษัทไม่น้อยกว่าร้อยละ 99.99 ของทุนจดทะเบียนฯ โดยใช้ชื่อว่า "บริษัท ซีไอจี ยูทิลิตี้ แอนด์ อินฟราสตรัคเจอร์ จำกัด" หรือชื่ออื่นที่คณะกรรมการบริหารเห็นสมควร เพื่อเข้าลงทุนในโครงการ และ/หรือ ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสาธารณูปโภค (Utilities) และโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure)
จากนั่นให้บริษัทย่อยดังกล่าวเข้าลงทุนในหุ้นสามัญของ บริษัท อิมแพ็ค กรีน ยูทิลิตี้ โฮลดิ้ง จำกัด (IGU) จาก นายสุรเชษฐ์ ชัยปัทมานนท์ จำนวน 9,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท คิดเป็นสัดส่วน 22.68% ของจำนวนหุ้นที่ออกและชำระแล้วของ IGU ในราคาหุ้นละ 25 บาท คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 225 ล้านบาท
IGU เป็นนิติบุคคลที่จดทะเบียนจัดตั้งในประเทศไทย มีทุนจดทะเบียนที่ออกและชำระแล้วทั้งสิ้น 396,900,700 บาท (คิดเป็นสัดส่วน 100% ของทุนจดทะเบียนของกิจการเป้าหมายฯ) โดยที่ IGU มีทรัพย์สินหลักได้แก่ หุ้นสามัญของ บมจ.ไพร์ม โรด เพาเวอร์ (PRIME) จำนวน 248,062,925 หุ้น โดยตีมูลค่าไว้หุ้นละ 1.60 บาท ณ วันที่ 8 ก.ค.65 ซึ่งเป็นวันที่กิจการเป้าหมายฯ จัดประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อจัดตั้งบริษัท โดยคิดเป็นจำนวนทุนจดทะเบียนทั้งหมด 396,900,680 บาท
IGU เป็นบริษัทที่ถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อเป็น บริษัทประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้นกิจการอื่น (Holding Company) ซึ่งจะทำหน้าที่พัฒนาธุรกิจ (Business Development) และ/หรือ เข้าลงทุนในโครงการ (Investment) และ/หรือ เข้าลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสาธารณูปโภค (Utilities) และโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure)
ณ. ปัจจุบัน IGU ยังไม่มีแผนการลงทุนพัฒนาธุรกิจและโครงการด้านพลังงานเพื่อบริหารจัดการเองโดยตรง แต่มีแผนที่จะลงทุน และ/หรือ บริหารจัดการร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจที่ IGU เข้าไปถือหุ้น เช่น PRIME เป็นต้น การลงทุนของ IGU จะมุ่งเน้นด้านการพัฒนาธุรกิจเพื่อให้เกิดอุปสงค์ (Demand) ด้านพลังงานใหม่ๆ เช่น การพัฒนาธุรกิจยานยนต์พลังงานไฟฟ้า การพัฒนานิคมอุตสาหกรรมสีเขียว เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะพัฒนานวัตรกรรมใหม่ๆ เพื่อให้เกิดอุปทาน (Supply) ด้านพลังงานที่มีศักยภาพสูงขึ้นและต้นทุนต่ำลง เช่น ระบบการเก็บพลังงานโดยใช้แบตเตอรี่ (Energy Story System: ESS) พลังงานจากไฮโดรเจน หรือ นิวเคลียฟิวชั่น เป็นต้น
นอกจากนั้น ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทยังมีมติให้ CIG ออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 1,729,577,364 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ให้แก่ผู้ถือหุ้นสามัญเดิมของบริษัทตามสัดส่วนการถือหุ้น (Right Offering) ในอัตราส่วนหุ้นสามัญเดิม 1 หุ้นเดิมต่อ 2 หุ้นสามัญออกใหม่ กำหนดราคาเสนอขายหุ้นละ 0.50 บาท โดยให้วันที่ 23 ก.ย.65 เป็นวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุน (Record Date) และกำหนดวันจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนระหว่างวันที่ 10-21 ต.ค.65
รวมทั้งให้ออกและเสนอขายหุ้นกู้แปลงสภาพให้แก่ผู้ถือหุ้นสามัญเดิมของบริษัทตามสัดส่วนการถือหุ้น (Right Offering) จำนวนไม่เกิน 864,788 หน่วยราคาเสนอขาย 1,000 บาทต่อ 1 หน่วยหุ้นกู้แปลงสภาพ มูลค่าที่เสนอขายรวมทั้งสิ้นไม่เกิน 864,788,000 บาท ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทที่มีสิทธิได้รับการจัดสรรตามสัดส่วนการถือหุ้น อัตราส่วนการแปลงสภาพ 1 หน่วยหุ้นกู้แปลงสภาพสามารถแปลงเป็นหุ้นสามัญได้ 1,000 หุ้น ราคาใช้สิทธิแปลงสภาพ 1.00 บาทต่อหุ้น ให้วันที่ 21 ต.ค.65 เป็นวัน Record Date และกำหนดวันจองซื้อหุ้นกู้แปลงสภาพระหว่างวันที่ 7-21 พ.ย.65
ทั้งนี้ เพื่อใช้เป็นเงินทุนสำรองสำหรับการชำระหนี้สถาบันการเงินและการใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ รวมถึงการขยายธุรกิจของบริษัทและบริษัทย่อยในอนาคต ทั้งการลงทุนใน (1) ธุรกิจด้านสาธารณูปโภคและโครงสร้างพื้นฐาน (Utilities and Infrastructure) (2) ธุรกิจ ภายใต้ห่วงโซ่อุปทานความเย็น (Cold Chain Logistic and Supply Chain Management) (3) ธุรกิจการ ก่อสร้างพร้อมการสนับสนุนทางการเงินโครงการฯ (Engineering Procurement and Construction with Financing) และ (4) ธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างและการสนับสนุนทางการเงินภายใต้กลยุทธ์การสร้างระบบนิเวศ (Ecosystem) ที่ครบวงจร
และบริษัทจะนำเสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่ออนุมัติวงเงินการออกและเสนอขายหุ้นกู้จำนวน 6,000 ล้านบาท (หรือมูลค่าเทียบเท่าในเงินสกุลอื่น)
นายอารีย์ พุ่มเสนาะ ประธานกรรมการบริหาร CIG กล่าวว่า การเข้าซื้อหุ้น IGU ช่วยเพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ ทั้งการต่อยอดธุรกิจปัจจุบัน ด้วยแผนร่วมมือกับพันธมิตร Start Up ทั้งในประเทศและระดับภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะพันธมิตรจากประเทศจีน เพื่อลงทุนธุรกิจบริการจัดเก็บและขนส่งสินค้าควบคุมอุณหภูมิ (Cold Chain Management) แบบครบวงจรทั้งในรูปแบบ B2B และ B2C ควบคู่กับการเพิ่มโอกาสการเติบโตด้วยธุรกิจใหม่ที่สอดคล้องกับความต้องการและนโยบายทั่วโลก เช่น ธุรกิจพลังงาน ทั้งพลังงานทดแทน และพลังงานหมุนเวียน, โครงการยานยนต์ไฟฟ้า เช่น การเปลี่ยนรถขนส่งรถบรรทุกและรถกระบะเป็น EV ให้ได้ 10% ภายในระยะไม่เกิน 2 ปี รวมถึงโครงการพัฒนาและก่อสร้างนิคมอุตสาหกรรมสำหรับธุรกิจสีเขียวเพื่อลดคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ เป็นต้น นอกจากนี้ ในแผนงานยังมีโครงการอื่นๆ และโครงการที่อยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ ซึ่งทั้งหมดจะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่ม และสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับบริษัทในอนาคต
สำหรับการลงทุนในธุรกิจทั้งหมดที่กล่าวมา ทางบริษัทภายใต้การสนับสนุนของพันธมิตรร่วมทุนทั้งในและต่างประเทศประเมินว่าจะเริ่มระดมเงินทุนมูลค่าประมาณ 7,729.58 ล้านบาท แบ่งเป็นการซื้อหุ้น IGU จำนวน 225 ล้านบาท การซื้อกิจการอื่นๆ ใน Ecosystem กว่า 1,500 ล้านบาท ใช้เป็นเงินทุนสำหรับโครงการ EPC+F โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างนิคมอุตสาหกรรม Zero Carbon Sustainable Industrial Estate ร่วมกับพันธมิตรจากประเทศจีนและในภูมิภาคเอเชีย ประมาณ 5,800 ล้านบาท ส่วนที่เหลือประมาณ 160 -200 ล้านบาท ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
ขณะที่บริษัทมีแนวทางการจัดหาแหล่งเงินทุนจากหลายแนวทาง ได้แก่ 1. การออกหุ้นเพิ่มทุนขายให้กับผู้ถือหุ้นเดิม (RO) 2. การออกหุ้นกู้แปลงสภาพให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม รวมถึงการออกหุ้นกู้จำนวน 6,000 ล้านบาท
"การปรับแผนธุรกิจในครั้งนี้ จะส่งผลดีต่อบริษัททั้งในระยะสั้น และระยะยาว ซึ่งแม้ว่าจะใช้เงินลงทุนจำนวนมาก แต่หากมองแต่ละธุรกิจจะเห็นถึงแนวโน้มที่จะสามารถขยายการเติบโตและสร้างโอกาสรับผลตอบแทนอย่างชัดเจน โดยเฉพาะธุรกิจพลังงานที่มีความต้องการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทยังคงดำเนินธุรกิจหลัก ควบคู่ไปกับการปรับสู่ธุรกิจเกี่ยวเนื่องเพื่อเพิ่มโอกาส รวมถึงเพิ่มศักยภาพให้กับบริษัทด้วยการเข้าสู่ธุรกิจสาธารณูปโภคและโครงสร้างพื้นฐาน ตลอดจนธุรกิจพลังงานที่สามารถขับเคลื่อนให้บริษัทสร้างรายได้เพิ่ม
นอกจากนี้ เชื่อว่ากลุ่มผู้ถือหุ้นและผู้บริหารของ IGU อย่างกลุ่มของนายสุรเชษฐ์ ชัยปัทมานนท์ รองประธานกรรมการ PRIME ที่พัฒนาโครงการพลังงานทดแทน อีกทั้งยังมีบริษัทในเครือที่เป็นปรึกษาให้กับโครงการสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ รวมถึงกิจการโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่หลายโครงการทั้งในและต่างประเทศ และมีพันธมิตรทางธุรกิจที่มีชื่อเสียงทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก จะสนับสนุนและช่วยผลักดันให้บริษัทสามารถดำเนินงานตามแผนงาน และมีการเติบโตและพัฒนาต่อไปในอนาคต และเตรียมจับตามองการแถลงข่าวใหญ่ร่วมกับพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศในโครงการต่างๆ ของ CIG ร่วมกับ IGU ภายในเดือนส.ค.65 นี้เป็นต้นไป" นายอารีย์ กล่าว