บมจ.ซีลิค คอร์พ (SELIC) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 12/2565 เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2565 มีมติอนุมัติให้ริษัทฯเข้าลงทุนในบริษัท เทวกรรมโอสถ จำกัด ด้วยการเข้าซื้อหุ้นสามัญ จำนวน 17,077,418 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 50% ของจำนวนหุ้น ทั้งหมดหลังการเพิ่มทุนแล้ว มูลค่ารวมทั้งสิ้น 280 ล้านบาท
โดย 1) ซื้อหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 12,295,741 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 36% มูลค่าจำนวน 200 ล้านบาท
2) ซื้อหุ้นสามัญจากผู้ถือหุ้นเดิม คือ บริษัท นิว ไดมอนด์ ไฮลดิ้งส์ พีทีอีลิมิเต็ด จำนวน 4,781,677 หุ้น คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 14 มูลค่าจำนวน 80 ล้านบาท
ทั้งนี้บริษัท เทวกรรมโอสถ จำกัด เป็นบริษัทจำกัดที่จดทะเบียนจัดตั้งภายใต้กฎหมายไทย ซึ่งประกอบธุรกิจเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์บรรเทาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อแบรนด์ "น้ำมันมวย" ซึ่งจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ
บริษัทฯ จะทำการชำระราคาหุ้นสามัญของบริษัท เทวกรรมโอสถ จำกัด ให้แก่ผู้ขายเป็นเงินสด จำนวน 250,000,000 บาท ในวันที่ 31 สิงหาคม 2565 และจำนวน 30,000,000 บาท ภายในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2565 โดยแหล่งเงินทุนมาจากการออกและเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนสามัญให้แก่บุคคลในวงจำกัดของบริษัทจำนวน 250 ล้านบาท และ จากเงินทุนหมุนเวียนในกิจการของบริษัทฯ จำนวน 30 ล้านบาท
อนึ่ง ตามที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2565 เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2565 ได้มีมติอนุมัติให้บริษัทฯ จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯแบบเฉพาะเจาะจงให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) จำนวน 89,286,000 หุ้น ในราคาเสนอขายหุ้นละ 2.80 บาท คิดเป็นมูลค่ารวม 250,000,800 บาท โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลงทุนในโครงการอุตสาหกรรมการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ Healthcare และเวชภัณฑ์ดั้งนั้น
บริษัทฯ จึงนำเงินเพิ่มทุนดังกล่าวใช้ในการเข้าซื้อหุ้นสามัญของบริษัท เทวกรรมโอสถ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัท ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านการผลิตและบริหารจัดการในกลุ่มผลิตภัณฑ์ Consumer Healthcare ซึ่งจะเอื้อประโยชน์ต่อบริษัทในการเข้าลงทุนในโครงการลงทุนในการซื้อสินทรัพย์ที่เกี่ยวกับการผลิตและจ หน่ายเวชภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ NeoplastTM, NeobunTM ที่ได้รับอนุมัติจากที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 8/2565 เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2565
ผลประโยชน์จากการเข้าทำรายการดังกล่าว บริษัทฯ มียอดขายและกำไรเพิ่มขึ้นจากส่วนแบ่งของบริษัท เทวกรรมโอสถ จำกัด และจะทำให้บริษัทฯ สามารถขยายการเติบโตของธุรกิจและเปิดตลาดเข้าสู่ตลาด Healthcare ซึ่งเป็นตลาดที่มีแนวโน้มการเติบโตต่อเนื่อง นอกเหนือจากนี้ยังทำให้บริษัทฯ ขยายช่องทางการดำเนินธุรกิจเพิ่มเติมจากประเภท Business to Business มาเปิดช่องทาง Business to Consumer
นอกจากนี้ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจในกลุ่มผลิตภัณฑ์ Consumer Healthcare จะส่งผลเอื้อต่อบริษัทฯ ในโครงการลงทุนในผลิตภัณฑ์เวชภัณฑ์แบรนด์ Neoplast Neobun ซึ่งอยู่ในธุรกิจ market sector ประเภทเดียวกัน ก่อให้เกิดประสิทธิผล และประสิทธิภาพในการบริหารจัดการในธุรกิจนี้ได้มาก และรวดเร็วยิ่งขึ้น และสร้างพื้นฐานและการเข้าสู่ตลาด Healthcare ที่ชัดเจนและเตรียมพร้อมต่อการเติบโตในตลาดนี้ในอนาคต