นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาด หลักทรัพย์ฯ รับ บมจ. ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯในกลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรม อาหาร หมวดธุรกิจการเกษตร โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า "TEGH" ในวันที่ 30 กันยายน 2565
TEGH มีรายได้ส่วนใหญ่ ประมาณ 80% ของรายได้รวมจากธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางธรรมชาติ โดยแบ่งผลิตภัณฑ์ยาง ธรรมชาติเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่ ยางแท่ง และน้ำยางข้น โดยขายให้แก่ผู้ผลิตสินค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ ในหลากหลาย อุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมยางล้อ รองเท้า และเส้นด้ายยางยืด อีกทั้งบริษัทมีธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบ โดยผลิตภัณฑ์ของ กลุ่มบริษัทเป็นวัตถุดิบที่ใช้ในอุตสาหกรรมต่อเนื่อง เช่น น้ำมันปรุงอาหาร ส่วนผสมอาหาร เนยสด ครีมเทียม นอกจากนี้ ยังมีธุรกิจด้าน พลังงานทดแทนและบริหารจัดการกากอินทรีย์ที่เหลือใช้จากกระบวนการผลิตนำมาผลิตพลังงานทดแทน เพื่อให้เกิดเป็นระบบเศรษฐกิจสี เขียว ที่สามารถลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และสร้างรายได้ที่มั่นคงให้แก่กลุ่มบริษัท
TEGH มีทุนชำระแล้วหลังการเสนอขาย IPO 1,080 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 810 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน (IPO) 270 ล้านหุ้น โดยเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรกระหว่างวันที่ 21-23 กันยายน 2565 ในราคาหุ้นละ 4.80 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 1,296 ล้านบาท และมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 5,185 ล้านบาท ทั้งนี้ ราคาเสนอขายหุ้น IPO คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E ratio) เท่ากับ 7.7 เท่า โดยคำนวณจากผลประกอบการของ บริษัทในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2564 ถึงไตรมาสที่ 2 ของปี 2565 ซึ่งเท่ากับ 671.8 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดของ บริษัท ภายหลังการเสนอขาย IPO คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น (fully diluted EPS) เท่ากับ 0.6 บาท โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ กสิกร ไทย จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และ เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัด จำหน่ายหุ้นสามัญ
นายเฉลิม โกกนุทาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TEGH เปิดเผยว่า บริษัทดำเนินธุรกิจมาแล้วกว่า 30 ปี โดยทีมงานผู้ บริหารที่มีความรู้และประสบการณ์ในธุรกิจมาอย่างยาวนาน ทำให้ปัจจุบันบริษัทเป็นหนึ่งในผู้นำการผลิตและจำหน่ายยางธรรมชาติ และเป็นผู้ ผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบรายใหญ่ในภาคตะวันออก และเป็นผู้ผลิตพลังงานทดแทนประเภทพลังงานชีวภาพแบบครบวงจรรายใหญ่ใน พื้นที่ EEC ซึ่งการนำหุ้นสามัญของบริษัทเข้า จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ครั้งนี้ จะช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันให้กับบริษัท และ เสริมความแข็งแกร่งด้านการเงินของบริษัท ทั้งในแง่ของต้นทุนทางการเงินที่ลดลง และความเชื่อมั่นของคู่ค้า
สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ จะนำมาเพิ่มขีดความสามารถของบริษัท โดยใช้เป็นเงินลงทุนสำหรับการขยายกำลัง การผลิตและปรับปรุงประสิทธิภาพในการดำเนินงาน ชำระคืนเงินกู้สถาบันการเงิน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ
TEGH มีนโยบายในการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่ต่ำกว่า 40%ของกำไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะกิจการของ บริษัทฯ ภายหลังจากหักภาษีและเงินทุนสำรองต่าง ๆ ทุกประเภทตามที่กำหนดไว้ในกฎหมาย ทั้งนี้ การจ่ายเงินปันผลดังกล่าวอาจมีการ เปลี่ยนแปลงได้ โดยจะขึ้นอยู่กับผลการดำเนินงาน ฐานะการเงิน สภาพคล่อง แผนการขยายธุรกิจ ความจำเป็นและความเหมาะสมอื่นใด ในอนาคตและปัจจัยอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ หลัง IPO บริษัทจะมีผู้ถือหุ้นใหญ่คือกลุ่มครอบครัวของนายสมชาย โกกนุทาภรณ์ ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ก่อตั้งบริษัทถือหุ้นรวม 75%
หลักทรัพย์ : หุ้นสามัญ ชื่อบริษัท : บริษัท ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) (TEGH) ชื่อย่อหลักทรัพย์ : TEGH ตลาดรอง : SET กลุ่มอุตสาหกรรม : เกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร หมวดธุรกิจ : ธุรกิจการเกษตร วันที่เป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน : 30 ก.ย. 2565 วันที่เริ่มทำการซื้อขาย : 30 ก.ย. 2565 จำนวนหุ้นจดทะเบียนกับตลท. (หุ้นสามัญ)(หุ้น) : 1,080,000,000 จำนวนหุ้นชำระแล้ว (หุ้นสามัญ)(หุ้น) : 1,080,000,000 ราคา Par (บาทต่อหุ้น) : 1.00 ทุนชำระแล้ว (บาท) : 1,080,000,000.00 จำนวนหุ้น IPO (หุ้น) : 270,000,000 จัดสรรให้แก่ : ประชาชนทั่วไป จำนวน 270,000,000 หุ้น ราคา IPO (บาท) : 4.80 วันที่เสนอขาย IPO : วันที่ 21 ก.ย. 2565 ถึงวันที่ 23 ก.ย. 2565