บมจ.ท่าฉาง กรีน เอ็นเนอร์ยี่ (TGE) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 2/2566 เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2566 มีมติให้เพิ่มทุนจดทะเบียน 65,000,000 บาท จากเดิม 1,100,000,000 บาท เป็น 1,165,000,000 บาท โดยออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 130,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท เพื่อเสนอขายให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) ในราคาหุ้นละ 2 บาท รวมเป็นมูลค่าทั้งสิ้นไม่เกิน 260,000,000 บาท และจัดสรร ดังนี้
1. จำนวน 70,000,000 หุ้น ให้แก่นายพีรเจต สุวรรณนภาศรี
2. จำนวน 30,000,000 หุ้น ให้แก่นายกิตติโชติ หริตวร
3. จำนวน 10,000,000 หุ้น ให้แก่นายทรรศิน จงอัศญากุล
4. จำนวน 10,000,000 หุ้น ให้แก่นายขันธ์พลร์ ซื่อภาคย
5. จำนวน 10,000,000 หุ้น ให้แก่นายคุณค่า คุณานันทกุล
นายสุเมธ ลักษิตานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TGE เปิดเผยว่า บริษัท จะนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุน PP รวมประมาณ 260 ล้านบาท เพื่อใช้ในการขยายการลงทุน เพื่อสร้างโอกาสเติบโตในระยะยาวต่อไป สอดรับกับแผนยุทธศาสตร์ของบริษัทฯ ที่มุ่งเป็นผู้นำอุตสาหกรรมพลังงานทดแทนที่เป็นมิตรต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม และเพื่อก้าวเป็นผู้นำอุตสาหกรรมพลังงานทดแทนในประเทศไทย
โดยจะนำเงินไปรองรับการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าขยะชุมชนที่ชนะการประมูล ได้แก่ 1) โครงการโรงไฟฟ้าขยะชุมชนตำบลท่าจีน จังหวัดสมุทรสาคร (TES TCN) กำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้ง 9.9 เมกะวัตต์ (MW) และปริมาณไฟฟ้าที่เสนอขายตามสัญญา (PPA) จำนวน 8 MW ซึ่งคาดว่าจะสามารถดำเนินการผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) และเริ่มรับรู้รายได้จากโครงการโรงไฟฟ้าขยะชุมชน TES-TCN ตั้งแต่ปี 68 เป็นต้นไป
และ 2) โครงการโรงไฟฟ้าขยะชุมชนตำบลหนองมะโมง จังหวัดชัยนาท (TES CNT) กำลังการผลิตติดตั้ง 8 MW มีปริมาณไฟฟ้าที่จะเสนอขายตามสัญญา (PPA) 6 MW คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จ และสามารถดำเนินการผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) และเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ปี 68
ทั้ง 2 โครงการดังกล่าวนี้ จะช่วยเพิ่มรายได้ของบริษัทฯ เพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 70% ต่อปี และจะส่งผลให้ TGE สามารถเติบโตได้อย่างมั่นคงในระยะยาว ได้รับกระแสเงินสดอย่างสม่ำเสมอในอนาคต
"การเพิ่มทุนโดยการออกหุ้นสามัญให้ PP ทำให้บริษัทฯ สามารถระดมทุนในระยะเวลาที่รวดเร็วมากกว่าการระดมทุนด้วยวิธีเพิ่มทุนให้กับผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วน (RO) และยังไม่เป็นภาระให้กับผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ที่ต้องจัดหาเงินเพื่อมาเพิ่มทุนให้กับบริษัทฯ และยังช่วยเพิ่มความมั่นคงทางการเงินให้กับบริษัทฯ เพราะจะส่งผลให้อัตราส่วน D/E ratio ของบริษัทฯ ลดลงจากสิ้นปี 65 ซึ่ง D/E ratio อยู่ที่ 0.60 เท่า หากเพิ่มทุนสำเร็จคาดว่า D/E ratio จะปรับลงมาอยู่ที่ 0.54 เท่า การเพิ่มทุนครั้งนี้ บริษัทฯ ได้มีการคัดสรรนักลงทุนที่มีศักยภาพ มีความน่าเชื่อถือและประสบการณ์ในการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จลุล่วงได้เป็นอย่างดี" นายสุเมธ กล่าว