นายอุดม ศรีสมทรง รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ตามที่อธิบดีกรมการค้าภายในได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่สายตรวจเฉพาะกิจ บูรณาการตรวจสอบร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตรวจเข้มการลักลอบการนำเข้าและขนย้ายสินค้าเกษตรที่นำเข้าจากต่างประเทศอย่างต่อเนื่องใกล้ชิด ตามเส้นทางที่คาดว่าจะมีการขนย้าย โดยเฉพาะจากสถานที่ต้นทางท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี และท่าเรือกรุงเทพ มายังสถานที่ปลายทางบริเวณตลาดไท และตลาดไอยรา จังหวัดปทุมธานี ที่เป็นแหล่งรวบรวมสินค้าเกษตรที่สำคัญ เพื่อเป็นการป้องปรามการลักลอบนำเข้าสินค้าเกษตร ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อราคาผลผลิตสินค้าเกษตรภายในประเทศ
และจากการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่สายตรวจเฉพาะกิจ ณ จุดตรวจสอบการขนย้ายสินค้าเกษตร บริเวณตลาดไท จังหวัดปทุมธานี ไม่พบการกระทำความผิด
ทั้งนี้ จากการดำเนินการตามนโยบายกำกับดูแลการลักลอบการขนย้ายสินค้าเกษตรอย่างเข้มงวด ในช่วงที่ผ่านมาได้มีการจับกุมและดำเนินคดีผู้ประกอบการที่ฝ่าฝืนกฎหมายขนย้ายกระเทียมที่นำเข้าจากต่างประเทศเข้ามาในพื้นที่ควบคุม โดยไม่ได้รับอนุญาต จำนวน 2 ราย พบลักลอบขนย้ายกว่า 53 ตัน รวมมูลค่ากว่า 4.9 ล้านบาท ซี่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการดำเนินคดีของพนักงานสอบสวน
นายอุดม ศรีสมทรง กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมการค้าภายในได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเฝ้าติดตามตรวจสอบการนำเข้าและการขนย้ายสินค้าเกษตรอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง เพื่อให้มีการปฏิบัติตามกฎหมายโดยเคร่งครัด หากพบว่ามีการลักลอบขนย้ายสินค้าเกษตร ต้องระวางโทษสูงสุดจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 ทั้งนี้ หากเกษตรกรรายใดไม่ได้รับความเป็นธรรมในการขายสินค้าเกษตร รวมทั้งพบเห็นหรือทราบเบาะแสการเอาเปรียบเกษตรกร สามารถร้องเรียนได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ