บมจ.แอสเซทไวส์ (ASW) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรมการบริษัทมีมติอนุมัติให้บริษัทขายหุ้นใน บริษัท ไวส์ เอสเตท 18 จำกัด (WE18) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ ASW ถือหุ้นอยู่ 99.97% โดยจะขายหุ้น 49% ของทุนจดทะเบียน ให้กับ Tokyo Tatemono Asia Pte. Ltd. (TTA) บริษัทย่อยของ Tokyo Tatemono Co., Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โตเกียว วัตถุประสงค์เพื่อขยายโอกาสการลงทุนในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของบริษัท รวมทั้งเพื่อต่อยอดและสนับสนุนโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของบริษัท ซึ่งผลสำเร็จของการจำหน่ายหุ้นสามัญดังกล่าว จะทำให้ WE18 สิ้นสภาพการเป็นบริษัทย่อยของบริษัท
นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ASW กล่าวว่า ASW และ Tokyo Tatemono Asia จะร่วมกันพัฒนาโครงการ "เคฟ โคโค่ บางแสน" (Kave Coco Bang Saen) คอนโดมิเนียมใกล้กับมหาวิทยาลัยบูรพา มูลค่าโครงการกว่า 2,000 ล้านบาท ต่อยอดความสำเร็จ และตอกย้ำความเป็นผู้นำในตลาด Campus Condo หรือคอนโดฯ ใกล้สถานศึกษา โดย ASW ถือหุ้น 51% และ Tokyo Tatemono ถือหุ้น 49%
"การร่วมทุนในครั้งนี้ เป็นโครงการแห่งที่ 2 ระหว่างบริษัทฯ และ Tokyo Tatemono ที่ได้ร่วมกันสร้างสรรค์ที่อยู่อาศัยเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ และเป็นการตอกย้ำความเชื่อมั่นที่ Tokyo Tatemono มีให้กับบริษัทฯ ถึงความเป็นผู้นำตลาด Campus Condo และผู้นำด้านไลฟ์สไตล์อสังหาฯ ในประเทศไทย ขณะที่ Tokyo Tatemono เป็นนักพัฒนาอสังหาฯ ชั้นนำในประเทศญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงและจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่ญี่ปุ่น มีการพัฒนาโครงการอสังหาฯ มาอย่างหลากหลาย ทั้งเพื่อการอยู่อาศัย และเชิงพาณิชย์ เช่น โรงแรม สนามกอล์ฟ อาคารสำนักงาน ฯลฯ โดยที่ผ่านมาได้รับชื่อเสียงว่าเป็นอสังหาฯ ที่ใส่ใจรายละเอียด และเน้นการพัฒนาโครงการคุณภาพสูง และในปี 65 Tokyo Tatemono มีรายได้ถึง 86,000 ล้านบาท โดยมีทุนจดทะเบียน 24,000 ล้านบาท" นายกรมเชษฐ์ กล่าว
โครงการ "เคฟ โคโค่ บางแสน" (Kave Coco Bang Saen) เป็นคอนโดฯ สูง 8 ชั้น 4 อาคาร 974 ยูนิต ขนาดพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 23-34.50 ตร.ม. บนพื้นที่กว่า 8 ไร่ อยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยบูรพา แวดล้อมด้วยกลุ่มนักศึกษา และคนทำงาน ราคาเริ่มต้น 1.59 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท
ก่อนหน้านี้ ASW มีโครงการที่ร่วมทุนกับ Tokyo Tatemono คือ โครงการแอทโมซ โอเอซิส อ่อนนุช (Atmoz Oasis Onnut)จำนวน 1,110 ยูนิต มูลค่าโครงการ 2,200 ล้านบาท
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ASW ได้กล่าวถึงตลาดอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่จังหวัดชลบุรีว่า มีการเติบโตที่โดดเด่นมาอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นหนึ่งในพื้นที่โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่มีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ อาทิ โครงการมอเตอร์เวย์ (พัทยา-มาบตาพุด) โครงการรถไฟความเร็วสูง (กรุงเทพฯ-ระยอง) โครงการท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบังเฟส 3 และโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (อู่ตะเภา?สุวรรณภูมิ-ดอนเมือง) ซึ่งโครงการรถไฟความเร็วสูงนี้ จะพัฒนาตามแนวเส้นทางเชื่อมต่อระหว่างสนามบินดอนเมือง สนามบินสุวรรณภูมิ สนามบินอู่ตะเภา รวมระยะทางกว่า 220 กิโลเมตร และมีการใช้พื้นที่ในอำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี บนพื้นที่ขนาดกว่า 25 ไร่เป็นสถานีอีกด้วย
ด้านนายทะจิมะ Managing Executive Officer, Overseas Business Division Director บริษัท โตเกียว ทาเทโมโนะ จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯ ได้เล็งเห็นถึงศักยภาพของโครงการ "เคฟ โคโค่ บางแสน" (Kave Coco Bang Saen) ซึ่งตั้งอยู่ในทำเลที่มีกำลังซื้อสูงในพื้นที่ EEC และโครงการภายใต้แบรนด์ Kave ของ ASW ในทุกโครงการล้วนได้รับการตอบรับที่ดีอย่างมากจากลูกค้าทั้งกลุ่มผู้ที่ต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัย และกลุ่มผู้ลงทุนซื้อปล่อยเช่าเพื่อรับผลตอบแทนที่ดี ทั้งนี้บริษัทเชื่อมั่นว่าโครงการเคฟ โคโค่ บางแสน จะเป็นอีกหนึ่งโครงการที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงเช่นเดียวกัน