บมจ.สบาย เทคโนโลยี (SABUY) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 14/2566 เมื่อ 14 สิงหาคม 2566 ได้มีมติอนุมัติให้ บมจ.สบาย คอนเน็กซ์ เทค (SBNEXT) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ เข้าลงทุนในหุ้นสามัญในบริษัท เวนดิ้ง พลัส จำกัด (VDP) จำนวนไม่เกิน 255,000 หุ้น หรือคิดเป็น 8.50% ของทุนจดทะเบียน โดย SBNEXT จะชำระค่าตอบแทนจำนวนไม่เกิน 100,725,000 บาท หรือไม่เกินหุ้นละ 395 บาท ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของ VDP ด้วยเงินสดทั้งจำนวน
ทั้งนี้ VDP ประกอบธุรกิจตู้ขายสินค้าอัตโนมัติภายใต้เครื่องหมายการค้า "เวนดิ้ง พลัส" โดยเป็นการให้บริการจำหน่ายสินค้าบริโภค (Food and Beverage) ต่างๆ เช่น น้ำดื่ม น้ำหวาน น้ำผลไม้ กาแฟ ชา เครื่องดื่มชูกำลัง เครื่องดื่มเกลือแร่ ขนมขบเคี้ยว บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เป็นต้น
และยังเน้นการขายสินค้าในกลุ่มราคาประหยัด (Budget Brands) ซึ่งยังมีการขายสินค้าประเภทอื่นๆ นอกเหนือจากสินค้า บริโภค เช่น หน้ากากผ้า/หน้ากากอนามัย และถุงยางอนามัย เป็นต้น โดย VDP มีการจำหน่ายสินค้าครอบคลุมถึง 47 จังหวัด กว่า 10,000 ตู้ ทั้งในเขตกรุงเทพฯ ปริมณฑล และจังหวัดใกล้เคียง โดยเน้นกลุ่มลูกค้าที่มีรายได้หลายระดับตามพื้นที่ที่ตั้งตู้ขายสินค้าอัตโนมัติ ซึ่งรวมถึงกลุ่มคนวัยทำงาน เช่น แรงงานในภาคอุตสาหกรรมตามโรงงานหรือนิคมอุตสาหกรรม พนักงานตามอาคารสำนักงาน ซึ่งต้องใช้เวลาเร่งรีบ และต้องการซื้อเครื่องดื่ม อาหารหรือขนมที่รวดเร็วกลุ่มวัยเรียน เช่น นักเรียน และนักศึกษา ตามสถานศึกษา และผู้พักอยู่ตามหอพัก เป็นต้น
บริษัทฯ คาดว่าจะเข้าทำสัญญาซื้อขายหุ้นกับผู้ถือหุ้นเดิมของ VDP ภายในเดือนกันยายน 2566 และคาดว่ารายการจะเสร็จสมบูรณ์ภายในเดือนตุลาคม 2566 หรือตามที่คู่กรณีที่เกี่ยวข้องเห็นชอบร่วมกัน ทั้งนี้ ภายหลังจากที่เงื่อนไขบังคับก่อนทั้งหมดภายใต้สัญญาซื้อขายหุ้นเสร็จสมบูรณ์ หรือได้รับการผ่อนผันหรือสละสิทธิโดยคู่สัญญาฝ่ายที่เกี่ยวข้อง และได้มีการดำเนินการต่าง ๆ เพื่อให้รายการเสร็จสมบูรณ์ตามที่ได้ระบุไว้ในสัญญาดังกล่าวแล้ว
นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัทรับทราบแผนการปรับโครงสร้างกลุ่มบมจ. สบาย เทคโนโลยี ซึ่งประกอบไปด้วย บมจ. สบาย เทคโนโลยี บมจ.พลัส เทคอินโนเวชั่น และ บมจ.สบาย คอนเน็กซ์ เทค ทั้ง 3 บริษัทเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ และเป็นบริษัทในกลุ่มบริษัทสบาย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการดำเนินธุรกิจ และการกำหนดกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจเพื่อก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับบริษัทจดทะเบียนทั้ง 3 บริษัท และป้องกันความขัดแย้งทางผลประโยชน์ ในการประกอบธุรกิจที่มีคล้ายคลึงกัน โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจ Vending Machine ซึ่งดำเนินการโดย SBNEXT และ PTECH
ทั้งนี้ กลุ่มบริษัทจะดำเนินการโอนธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ Connext เนื่องจากเป็นธุรกิจเกี่ยวกับการบริหารและพัฒนาช่องทางการจัดจำหน่าย ไปให้ SBNEXT เป็นผู้ดำเนินธุรกิจทั้งหมด เพื่อเป็นการเข้าถึงลูกค้าเพื่อเชื่อมต่อระหว่างบริษัทฯ จะเริ่มจากธุรกิจที่มีความพร้อมในการปรับโครงสร้างก่อนคือกลุ่มธุรกิจ Vending Machine โดย SBNEXT จะดำเนินธุรกิจ Vending Machine ผ่านบริษัทย่อยสองบริษัทได้แก่ VDC ซึ่งเป็นบริษัทย่อยร้อยละ 100 ดำเนินธุรกิจ Vending Machine ที่ได้ทำการซื้อธุรกิจต่อมากจาก AOC ซึ่งปัจจุบันอยู่ในระหว่างกระบวนการรับโอนเพื่อเริ่มดำเนินธุรกิจต่อ และ VDP ซึ่งคณะกรรมการบริษัท SBNEXT ครั้งที่ 7/2566 ได้มีมติอนุมัติให้เข้าซื้อหุ้นสามัญ จำนวน 255,000 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 8.50 จากผู้ถือหุ้นรายย่อยอื่น ที่ไม่ใช่ PTECH และนายอานนท์ชัย วีรประวัติ
ทั้งนี้ SBNEXT จะมีการซื้อหุ้นส่วนที่เหลือของ VDP จาก PTECH และนายอานนท์ชัย วีรประวัติ ในอนาคตตามแผนการปรับโครงสร้างธุรกิจ นอกจากนี้ กลุ่มบริษัทจะดำเนินการย้ายธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ Enterprise & Life ซึ่งได้แก่ ระบบ CRM ระบบบริหารจัดการศูนย์อาหาร ระบบ POS เป็นต้น ไปให้ PTECH เป็นผู้ดำเนินธุรกิจต่อเนื่องจาก ระบบเหล่านี้มีความเชื่อมโยงกับธุรกิจบัตรพลาสติกสำหรับธุรกิจ สามารถนำ Solution ของธุรกิจมาประยุกต์ใช้ในการนำเสนอบริการให้แก่ลูกค้าภาคธุรกิจ และ SMEs ได้เข้าถึง Solution ต่างๆ และเชื่อมโยง Ecosystem ของกลุ่มบริษัทได้โดยจะเริ่มจาก SABUY ขายหุ้นสามัญ 574,500 คิดเป็นสัดส่วน 27.03% ใน บริษัท บัซซี่บีส์ จำกัด ("BZB") ให้แก่ PTECH ก่อนเป็นบริษัทแรกในกลุ่ม Enterprise & Life