บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) ชี้แจงว่า กรณีที่มีรายงานข่าวว่าคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้มีมติชี้มูลความผิด ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ บริพัตร ขณะดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กับพวก 12 คน รวมถึงบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (BTSC) บริษัทย่อยของ BTS บริษัทฯ นายคีรี กาญจนพาสน์ และนายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา ในฐานะกรรมการของ BTSC เกี่ยวกับการทำสัญญาจางเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายนั้น บริษัทยังไม่ได้รับการยืนยันในเรื่องการชี้มูลความผิดดังกล่าวจากคณะกรรมการ ป.ป.ช. ตามที่ปรากฏในข่าวแต่อย่างใด
1) ภายหลังจากที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้แจ้งข้อกล่าวหาต่อ BTSC และผบู้ริหารว่าเป็นผู้สนับสนุนในการกระทำความผิดของเจ้าหน้าที่ของรัฐ BTSC และผู้บริหารได้มีหนังสือสอบถามเพื่อขอความชัดเจนของพฤติการณ์ในการกระทำความผิดกับคณะกรรมการ ป.ป.ช. หลายครั้ง เพื่อให้ BTSC และผู้บริหารได้ชี้แจงข้อกล่าวหาได้อย่างถูกต้องตรงประเด็น แต่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ไม่ได้ชี่แจงรายละเอียดเพิ่มเติมตามที่ร้องขอ
นอกจากนี้ BTSC และผู้บริหารพบว่า มีข้อเท็จจริงและหลักฐานหลายประการที่ยังไม่ปรากฏในสำนวนการไต่สวนของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ดังนั้น ในวันที่ 4 ก.ย.66 ผู้บริหารของ BTSC จึงได้มีหนังสือขอนัดหมายคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในวันที่ 15 ก.ย.66 เวลา 14.00 น. เพื่อขอรับทราบพฤติการณ์ในการกระทำความผิดและชี้แจงข้อกล่าวหาด้วยวาจาต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.
ทั้งนี้ หากคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีมติชี้มูลความผิดแล้วจริงกรณีดังกล่าวจะเป็นการชี้มูลความผิดก่อนที่ BTSC และผู้บริหารจะได้เข้าชี้แจงข้อกล่าวหา ซึ่งบริษัทฯ เชื่อมั่นว่าหากคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้รับทราบข้อเท็จจริงและเอกสารต่าง ๆ ที่ถูกต้องครบถว้นจาก BTSC และผู้บริหารแล้ว คณะกรรมการ ป.ป.ช.จะทราบว่า BTSC และผู้บริหารไม่ได้กระทการใด ๆ ที่เป็นความผิดตามที่กล่าวหา
(2) ในทางกฎหมาย หากคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดตามที่เป็นข่าว คณะกรรมการ ป.ป.ช.จะต้องจัดส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน และคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุดภายใน 30 วัน และอยัการสูงสุดจะต้องพิจารณาสำนวนการไต่สวนของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ภายใน 180 วัน เพื่อตรวจสอบความสมบูรณ์ของสำนวนการไต่สวนและพิจารณาว่าจะดำเนินคดีต่อ BTSC และผู้บริหารตามข้อกล่าวหาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. หรือไม่อีกชั้นหนึ่ง
(3) การมีมติชี้มูลความผิดเป็นกระบวนการทางอาญากับเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งไม่กระทบต่อสัญญาสัมปทานและสัญญาจ้างเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย และสัญญาดังกล่าวยังคงมีผลผูกพันคู่สัญญาทั้งสองฝ่ายทุกประการ อีกทั้งคู่สัญญาภาครัฐยังคงถือเอาประโยชน์ตามสัญญาดงักล่าวโดยบริษัทฯเชื่อมั่นว่าสัญญาจ้างเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายได้ดำเนินการอย่างถูกต้องตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องแล้ว