SSI เผย 1Q51 กำไรกระโดด จากยอดขายเหล็กเพิ่ม-กำไรขั้นต้นสูงถึงพันลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday April 30, 2008 15:28 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          นายวิน วิริยประไพกิจ กรรมการ บมจ.สหวิริยาสตีลอินดัสตรี (SSI) ชี้แจงผลการดำเนินงานสำหรับไตรมาสสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2551 บริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ (ก่อนหักส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อย จำนวน 6.2 ล้านบาท) จำนวน 883.5 ล้านบาท เปรียบเทียบกับกำไรสุทธิ (ก่อนหักส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อย จำนวน 15.0 ล้านบาท) ในไตรมาสเดียวกันของปี 2550 จำนวน 126.3 ล้านบาท
บริษัทมีรายได้จากการขายเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วน จำนวน 8,922.6 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่ายอดขายในไตรมาสเดียวกันของปี 2550 ซึ่งมีจำนวน 7,507.3 ล้านบาท นอกจากนี้บริษั ทมีร ยได้จากการขายเศษเหล็ก จำนวน 155.6 ล้านบาท เปรียบเทียบกับยอดขายในไตรมาสเดียวกันของปี 2550 ซึ่งมีจำนวน 136.3 ล้านบาท บริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรขั้นต้นจากการขายและบริการ จำนวน 1,014.5 ล้านบาท เปรียบเทียบกับกำไรขั้นต้นจากการขายและบริการจำนวน 452.0 ล้านบาท ในไตรมาสเดียวกันของปี 2550
บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้อื่นจำนวน 162.3 ล้านบาท (ซึ่งรวมกำไรจากอัตราแลกเปลี่ย นจ ำนวน 155.3 ล้านบาท) เปรี ย บเที ย บกั บไตรมาสเดียวกันของปี 2550 ซึ่งมีรายได้อื่นจำนวน 135.7 ล้านบาท (ซึ่งรวมกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 127.6 ล้านบาท)
ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (ไม่รวมดอกเบี้ยจ่าย) ของบริษัทและบริษัทย่อยมีจำนวน 193.8 ล้านบาท เปรียบเทียบกับค่าใช้จ่ายในไตรมาสเดียวกันของปี 2550 จำนวน 252.9 ล้านบาท
บริษัทย่อยมีหนี้สงสัยจะสูญได้รับคืนจำนวน 8.6 ล้านบาท ในไตรมาสแรกของปี 2550
บริษัทโอนกลับขาดทุนจากการลดมูลค่าสินค้าคงเหลือ จำนวน 43.5 ล้านบาท (ซึ่งประกอบด้วยค่าเผื่อการลดมูลค่าวัตถุดิบและสินค้าสำเร็จรูป จำนวน 2.8 และ 40.7 ล้านบาท ตามลำดับ) เปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2550 บริษัทโอนกลับขาดทุนจากการลดมูลค่าสินค้าคงเหลือของบริษัทจำนวน 146.5 ล้านบาท (ซึ่งประกอบด้วยค่าเผื่อการลดมูลค่าวัตถุดิบและสินค้าสำเร็จรูปจำนวน 99.0 และ 47.5 ล้านบาท ตามลำดับ)
บริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่ายและภาษีเงินได้นิติบุคคล จำนวน 1,028.0 ล้านบาท เปรียบเทียบกับกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่ายและภาษีเงินได้นิติบุคคลในไตรมาสเดียวกันของปี 2550 ซึ่งมีจำนวน 497.0 ล้านบาท
ดอกเบี้ยจ่ายสำหรับเงินกู้ระยะสั้นและระยะยาวมีจำนวน 140.6 ล้านบาท (ซึ่งประกอบด้วยดอกเบี้ยจ่ายของบริษัทและบริษัทย่อยจำนวน 127.7 และ 12.9 ล้านบาท ตามลำดับ) เปรียบเทียบกับดอกเบี้ยจ่ายในไตรมาสเดียวกันของปี 2550 จำนวน 366.3 ล้านบาท (ซึ่งประกอบด้วยดอกเบี้ยจ่ายของบริษัทและบริษัทย่อยจำนวน 353.2 และ 13.1 ล้านบาท ตามลำดับ)

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ