บมจ.เอสซีจี แพคเกจจิ้ง (SCGP) เปิดเผยว่า บริษัทเข้าซื้อหุ้นใน 2 บริษัทใหม่ (Merger and Partnership: M&P) โดยเข้าซื้อหุ้น 100% ใน Law Print ผู้ให้บริการบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจรในสหราชอาณาจักรและแถบยุโรป เพิ่มศักยภาพขยายช่องทางจำหน่ายและฐานลูกค้า และเข้าถือหุ้น 85% ใน Bicappa ผู้ผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์และอุปกรณ์สำหรับใช้ในห้องปฏิบัติการในอิตาลี เพื่อขยายสู่ตลาดอุปกรณ์วิทยาศาสตร์ "ปิเปตต์ทิป" และเข้าถึงองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีการผลิต เตรียมรับรู้รายได้ตั้งแต่เดือน พ.ย.นี้
นายวิชาญ จิตร์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SCGP เปิดเผยว่า SCGP ดำเนินงานตามกลยุทธ์ในการขยายการลงทุนเพื่อรักษาการเติบโตอย่างมีคุณภาพ โดยการลงทุนในบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจรครั้งนี้ จะช่วยเสริมแกร่งด้านช่องทางการจำหน่ายสินค้าและการขยายธุรกิจบรรจุภัณฑ์ไปยังตลาดระดับโลก และการเข้าลงทุนในธุรกิจด้านวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ จะช่วยเพิ่มศักยภาพการเติบโตจากการขยายฐานลูกค้า เพิ่มขีดความสามารถในการผลิตและต่อยอดธุรกิจได้ทั้ง Value Chain
SCGP ได้ลงนามในสัญญาซื้อหุ้นเพื่อเข้าถือหุ้น 100% ใน Law Print & Packaging Management Limited (Law Print) ซึ่งเป็นบริษัทผู้ให้บริการบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจร มีที่ตั้งอยู่ใน Stockport สหราชอาณาจักร โดยจะชำระเงินทั้งสิ้น 10.68 ล้านปอนด์สเตอร์ลิง (ประมาณ 475 ล้านบาท) ซึ่งจะดำเนินการผ่าน SCGP Solutions (Singapore) Pte. Ltd. (SCGPSS) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ SCGP ถือหุ้นทั้งหมด ทั้งนี้ SCGP จะเริ่มแสดงผลประกอบการของ Law Print ในงบการเงินรวมตั้งแต่เดือน พ.ย.66
Law Print ให้บริการโซลูชันด้านบรรจุภัณฑ์ครบวงจร ครอบคลุมตั้งแต่การออกแบบ การจัดพิมพ์การตรวจสอบรับประกันคุณภาพ ตลอดจนการขนส่งระหว่างประเทศ โดยมีเครือข่ายผู้ผลิตและผู้จัดหาบรรจุภัณฑ์ที่หลากหลาย Law Print มีรายได้ 12.2 ล้านปอนด์สเตอร์ลิง (ประมาณ 570 ล้านบาท) มีกำไรรวมหลังหักภาษีประมาณ 2.7 ล้านปอนด์สเตอร์ลิง (ประมาณ 125 ล้านบาท) และมีสินทรัพย์อยู่ที่ 6.5 ล้านปอนด์สเตอร์ลิง (ประมาณ 300 ล้านบาท) ณ วันสิ้นปีงบการเงิน วันที่ 31 ธ.ค.65
Law Print มีจุดเด่นในการตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าโดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์เลี้ยง ผ่านการวิเคราะห์ข้อมูลและทำความเข้าใจลูกค้าในเชิงลึก นอกจากนี้ยังสามารถเชื่อมต่อลูกค้ากับเครือข่ายผู้จัดหาบรรจุภัณฑ์แบบอ่อนตัวที่มีคุณภาพสูงได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการจัดหาสินค้าบรรจุภัณฑ์แบบอ่อนตัวของ SCGP ให้แก่ลูกค้าจากสหราช อาณาจักรและ ประเทศอื่นในทวีปยุโรป
โครงการลงทุนข้างต้นจะช่วยขยายช่องทางการขายและเครือข่ายลูกค้าของ SCGP โดยมุ่งเน้นที่ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงซึ่งเติบโตอย่างรวดเร็วในสหราชอาณาจักรและทวีปยุโรป ซึ่งจะช่วยเสริมศักยภาพของ SCGP ตลอดห่วงโซ่อุปทาน นำไปสู่ส่วนแบ่งรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากลูกค้าปัจจุบันและลูกค้าในกลุ่มเป้าหมายของ Law Print นอกจากนี้ ประโยชน์จากการประสานกำลังทางธุรกิจดังกล่าวยังครอบคลุมถึงการขายสินค้าหรือบริการที่เกี่ยวข้อง (Cross-selling) ของบรรจุภัณฑ์สำหรับสินค้าอุปโภคบริโภค (Consumer packaging products) แก่ลูกค้าในกลุ่มบริษัทข้ามชาติซึ่งมีความสัมพันธ์อันยาวนานกับ Law Print
พร้อมกันนั้น SCGP ได้ลงนามในสัญญาซื้อหุ้นเพื่อเข้าถือหุ้น 85% ใน Bicappa Lab S.r.L. ซึ่งเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์และอุปกรณ์สำหรับใช้ในห้องปฏิบัติการ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตปิเปตต์ทิป (Pipette tips) โดย Bicappa ตั้งอยู่ใน Roletto ประเทศอิตาลี โดยจะชำระเงินค่าหุ้นรวมเป็นเงินทั้งสิ้น 3.23 ล้านยูโร (ประมาณ 125 ล้านบาท) โดยดำเนินการผ่าน Deltalab, S.L. ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ SCGP ถือหุ้น 85% ซึ่ง Deltalab และผู้ถือหุ้นเดิมของ Bicappa มีสิทธิในการซื้อและขายหุ้น 15% ที่เหลือใน Bicappa ทั้งนี้ SCGP จะเริ่มแสดงผลประกอบการของ Bicappa ในงบการเงินรวมตั้งแต่เดือน พ.ย.66
โครงการเข้าซื้อหุ้นข้างต้นจะช่วยเสริมแกร่งธุรกิจของ Deltalab ผ่านการขยายกิจการในลักษณะ Backward integration ด้วยการจัดหา Pipette tips ซึ่งเป็นหนึ่งในสินค้าประเภทอุปกรณ์สำหรับใช้ในห้องปฏิบัติการที่สำคัญในธุรกิจของ Deltalab
ทั้งนี้ Bicappa เป็นหนึ่งในผู้ผลิต Pipette tipsรายใหญ่ในทวีปยุโรปใช้ระบบเครื่องจักรอัตโนมัติในขั้นตอนการผลิตและออกแบบแม่พิมพ์ความก้าวหน้าทางวิทยาการ จะช่วยให้ Deltalab สามารถขยายกิจการเข้าสู่ธุรกิจ Pipette tips ได้ทันที พร้อมกับเข้าถึงองค์ความรู้เกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีการฉีดขึ้นรูปพอลิเมอร์ (Polymer injection technology) สำหรับ Auto-pipetting และการดำเนินธุรกิจด้วยระบบอัตโนมัติประโยชน์จากการประสานกำลังทางธุรกิจดังกล่าวยังครอบคลุมถึงการเพิ่มยอดขายอุปกรณ์ทางการแพทย์และอุปกรณ์สำหรับใช้ในห้องปฏิบัติการอื่น ๆ ของ Deltalab ผ่านฐานลูกค้าของ Bicappa อีกด้วย
ปัจจุบัน Bicappa มีสายการผลิตแม่พิมพ์สำหรับขึ้นรูปพลาสติกทั้งหมด 12 สายการผลิต ในระยะเวลา 12 เดือนที่ผ่านมา สิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิ.ย.66 มีรายได้ 3 ล้านยูโร (ประมาณ 115 ล้านบาท) มีกำไรรวมหลังหักภาษีประมาณ 0.62 ล้านยูโร (ประมาณ 23.5 ล้านบาท)และมีสินทรัพย์อยู่ที่ 2.4 ล้านยูโร (ประมาณ 90 ล้านบาท)
SCGP มุ่งมั่นที่จะตอบสนองกระแสความนิยมที่เปลี่ยนไปใช้บรรจุภัณฑ์เพื่อความยั่งยืนมากขึ้น โดยนำเสนอสินค้าบรรจุภัณฑ์จากเยื่อและกระดาษ บรรจุภัณฑ์จากวัสดุสมรรถนะสูง ตลอดจนให้บริการด้านบรรจุภัณฑ์ที่โดดเด่นอื่น ๆ โดยมีฐานการดำเนินงานรวมกว่า 50 แห่งในประเทศไทย เวียดนาม อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย สหราชอาณาจักร สเปน เนเธอร์แลนด์และสหรัฐอเมริกา