บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) เปิดเผยว่า ตามที่ปรากฏข่าวเมื่อวันที 30 ตุลาคม 2566 ว่า ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำสั่งให้ศาลปกครองชั้นต้นรับคำฟ้องที่มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคได้ยื่นฟ้องคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.) เพื่อขอเพิกถอนมติ กสทช. ที่รับทราบการควบรวมธุรกิจระหว่าง บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) (เดิม) และ บมจ. โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (DTAC) (เดิม)ไว้พิจารณาต่อไปนั้น
TRUE ขอแจ้งว่า คำสั่งศาลปกครองสูงสุดดังกล่าว เป็นเพียงการสั่งให้ศาลปกครองชั้นต้นรับคำฟ้องข้างต้นของมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคที่ได้ยื่นฟ้องโดยขาดอายุความไปแล้ว เท่านั้น โดยที่ศาลปกครองชั้นต้นยังจะต้องพิจารณาประเด็นของคดีดังกล่าวต่อไปว่ามติรับทราบการควบรวมธุรกิจของกสทช. ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
บริษัทฯ ขอเรียนชี้แจงว่า
(1) การฟ้องคดีดังกล่าวเป็นข้อพิพาทระหว่างมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคกับกสทช. และไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจใดๆ ของบริษัทฯ
(2) การควบรวมของบมจ. ทรูคอร์ปอเรชั่น (เดิม) และ บมจ. โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (เดิม) ได้เสร็จสิ้นโดยสมบูรณ์แล้ว และเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายที่เกียวข้องทั้งหมดและเหมือนกับกระบวนการควบรวมธุรกิจที่ผ่านมาของบริษัทมหาชนซึ่งประกอบธุรกิจโทรคมนาคม
และ (3) คดีที่มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคได้ยื่นฟ้อง กสทช.ดังกล่าวเป็นคดีทีมีประเด็นเดียวกันกับคดีที่ศาลปกครองชั้นต้นได้เคยมีคำสั่งยกคำขอคุ้มครองชั่วคราว โดยศาลเห็นว่า มติรับทราบการควบรวมบริษัทของ กสทช. ได้อาศัยอำนาจตามทีกฎหมายกำหนดไว้แล้ว จึงไม่มีเหตุรับฟังได้ว่ามติรับทราบการควบรวมธุรกิจของ กสทช. ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทั้งนี้เป็นไปตามที่บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น (เดิม) และ บมจ. โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (เดิม) ได้เคยเปิดเผยกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที 6 กุมภาพันธ์ 2566