บมจ. มาสเตอร์ สไตล์ (MASTER) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติให้เข้าลงทุนในกิจการให้บริการดูแลผู้สูงอายุหรือผู้มีภาวะพึ่งพิง คลินิกเสริมความงาม และธุรกิจบริการ โดยการซื้อหุ้นเพิ่มทุน 5 บริษัท รวมเป็นเงิน 468,391,176.47 บาท ได้แก่
1. การลงทุนในบริษัท ทวิงเกิ้ล สตาร์ จำกัด โดยจะเข้าซื้อหุ้นไม่เกิน 4,721 หุ้น หรือคิดเป็น 40% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของทวิงเกิ้ล สตาร์ ภายหลังการเพิ่มทุน ในราคาหุ้นละ 10,111.01 บาท ในการลงทุนรอบแรก และในราคาไม่เกินหุ้นละ 22,508.05 บาท ในการลงทุนรอบสอง รวมเป็นเงินทั้งสิ้นไม่เกิน 64,941,176.47 บาท โดย ทวิงเกิ้ล สตาร์ ประกอบกิจการ ซื้อ ขาย ผลิตสื่อโฆษณา ประชาสัมพันธ์ ปัจจุบันมีทุนจดทะเบียน 1,000,000 บาท แบ่งออกเป็น 10,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท
2. การเข้าลงทุนในบริษัท ทีวายพี เมดิคัล จำกัด โดยจะเข้าซื้อหุ้นจำนวน 60,976 หุ้น หรือคิดเป็น 40% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของบจก. ทีวายพีรวมเป็นเงินทั้งสิ้น 73,700,000 บาท ซึ่ง ทีวายพี เป็นบริษัทจัดตั้งใหม่เพื่อรับโอนกิจการคลินิกเสริมความงามซึ่งเปิดให้บริการอยู่ที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ภายใต้ชื่อ "TYP Clinic" มีความชำนาญด้านเสริมจมูก ตาสองชั้น ปรับรูปหน้า บริษัทใหม่จะรับโอนทรัพย์สินทั้งหมดที่ใช้การประกอบกิจการ ลูกค้า และพนักงาน เพื่อให้ดำเนินกิจการคลินิก TYP Clinic ได้ต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมีทุนจดทะเบียน 5,000,000 บาท แบ่งออกเป็น 50,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท
3.การเข้าลงทุนในบริษัท ซีเอ็มเอ็นเอช 2012 จำกัด โดยจะเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุน จำนวน 6,667 หุ้น หรือคิดเป็น 40% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของซีเอ็มเอ็นเอชภายหลังการเพิ่มทุน ในราคาหุ้นละ 7,499.62 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 50,000,000 บาท ซึ่งซีเอ็มเอ็นเอช ประกอบกิจการดูแลผู้สูงอายุหรือผู้มีภาวะพึ่งพิง ภายใต้ชื่อ ศูนย์ดูแลผู้ป่วยผู้สูงอายุเชียงใหม่เนิร์สซิ่งโฮมแคร์ (Chiangmai Nursing Home care) ใน จ.เชียงใหม่ มีความชำนาญด้านดูแลช่วยเหลือผู้ป่วยทางระบบสมองและประสาทไขสันหลัง ให้ได้รับการดูแลฟื้นฟูอย่างมีคุณภาพมาตรฐานตามหลักการแพทย์ โดยจะมุ่งเน้นไปที่การทำกายภาพบำบัดรวมถึงกิจกรรมบำบัด เพื่อให้ผู้ป่วยทางระบบประสาท สามารถช่วยเหลือตัวเอง และกลับคืนสู่ครอบครัวและสังคมได้อย่างเหมาะสม ปัจจุบันมีทุนจดทะเบียน 1,000,000 บาท แบ่งออกเป็น 10,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท
4.การเข้าลงทุนในบริษัท ด็อกเตอร์ ท๊อป แฮร์ ฮอสพิทอล จำกัด ด้วยการเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 133,333 หุ้น หรือคิดเป็น 40% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของ ด็อกเตอร์ท๊อป แฮร์ภายหลังการเพิ่มทุนจดทะเบียน เป็นเงินจำนวนไม่เกิน 96,000,000 บาท ซึ่ง ด็อกเตอร์ ท๊อป แฮร์เป็นบริษัทจัดตั้งขึ้นใหม่เพื่อรับโอนกิจการคลินิกเฉพาะทางด้านผิวหนังและความงาม ภายใต้ชื่อ "The Skin Clinic" ชำนาญด้านปลูกผมไร้รอยแผลศัลยกรรมความงาม และเลเซอร์ต่าง ๆ โดยจะรับโอนทรัพย์สินทั้งหมด ปัจจุบัน มี 7 สาขาในกรุงเทพมหานคร รวมถึงโรงพยาบาลด้านศัลยกรรมผม ภายใต้ชื่อ "ด็อกเตอร์ ท๊อป แฮร์ ฮอสพิทอล"
5. การเข้าลงทุนในบริษัท บีอีคิว จำกัด โดยจะเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 21,875 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 35% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดภายหลังการเพิ่มทุน เป็นเงินจำนวนไม่เกิน 183,750,000.00 บาท คาดว่าจะดำเนินการเข้าลงทุนแล้วเสร็จภายในไตรมาส 1/67 และจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 3/67 ซึ่ง บีอีคิว ประกอบกิจการคลินิกให้บริการด้านผิวพรรณ รูปร่าง และเส้นผม ภายใต้ชื่อ "BEQ Clinic" ซึ่งเปิดให้บริการอยู่ที่ กรุงเทพมหานคร โดยมีความชำนาญด้านการปลูกผมครบวงจร
การเข้าลงทุนในกิจการทั้ง 5 บริษัทจะใช้เงินที่ได้รับจากการดำเนินธุรกิจของบริษัท ซึ่งไม่ส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องหรือการดำเนินงานของบริษัท และคณะกรรมการบริษัทเห็นว่าการเข้าทำรายการทั้ง 5 รายการในครั้งนี้มีความสมเหตุสมผลและจะเป็นประโยชน์กับบริษัท นอกเหนือจากการได้รับผลตอบแทนจากการเข้าลงทุนและจากเงินปันผลจากผลประกอบการของแต่ละกิจการในอนาคตแล้ว
การเข้าร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับทวิงเกิ้ล สตาร์ ซึ่งเป็นบริษัทที่ประกอบกิจการด้านผลิตสื่อโฆษณาจะช่วยส่งเสริมการเผยแพร่การบริการของบริษัทให้เข้าถึงผู้บริโภคได้เพิ่มมากขึ้น สำหรับการเข้าร่วมลงทุนในกิจการเกี่ยวกับด้านสุขภาพและคลินิกเสริมความงามดังกล่าวเป็นการดำเนินการตามนโยบายการลงทุนของบริษัทที่จะลงทุนในธุรกิจที่สามารถส่งเสริมและเป็นประโยชน์กับบริษัทธุรกิจหลักของบริษัท การร่วมลงทุนในครั้งนี้จะทำให้บริษัทสามารถขยายฐานลูกค้าและรูปแบบการให้บริการเสริมความงามให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ทำให้บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้นซึ่งจะนำไปสู่การสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัท
นายแพทย์ระวีวัฒน์ มาศฉมาดล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MASTER กล่าวว่า การเข้าลงทุนครั้งนี้ จะเป็นประโยชน์กับบริษัท และเป็นการดำเนินการตามนโยบายการลงทุนของบริษัทที่วางแผนลงทุนในกิจการที่มีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจหลักของบริษัท ส่งผลทำให้บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้นจากเงินปันผลที่ได้รับจากการลงทุนซึ่งจะนำไปสู่การสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัท และทำให้บริษัทสามารถขยายเครือข่ายในการให้บริการและเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน
"พวกเรา MASTER ผสานจิ๊กซอว์ ตามแผนที่เคยประกาศไว้ ซึ่งทำให้กลุ่ม MASTER จากนี้พร้อมที่จะก้าวไปสู่การเป็นกลุ่มโรงพยาบาลเฉพาะทาง โดยมุ่งการเติบโตทั้ง Organic และ Inorganic ด้วยการนำกลยุทธ์แบบ Merger and Partnership (M&P) มาประยุกต์ใช้ ซึ่งเป็นแนวทางการขยายโอกาสทางธุรกิจของ MASTER ด้วยนโยบายลงทุนในหุ้นของแต่ละบริษัทไม่เกิน 40%" นายแพทย์ระวีวัฒน์ กล่าว
นางสาวลภัสรดา เลิศภานุโรจ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MASTER กล่าวว่า บริษัทฯ ประกาศแผนซื้อกิจการจำนวน 5 ดีล ถือว่ามากกว่าที่แจ้งไว้ก่อนหน้านี้ที่คาดจะมีดีลใหม่อย่างน้อยอีก 3 ดีล ทำให้ปัจจุบัน MASTER มีดีลซื้อกิจการแล้วทั้งสิ้น 9 ดีล โดยเชื่อมั่นว่าทุกดีลที่เกิดขึ้นจะสนับสนุนให้ MASTER เติบโตอย่างยั่งยืน เนื่องจากจะส่งผลบวกต่อบริการของทั้งกลุ่ม ช่วยให้เกิด Economy of Scale ในเรื่องของเวชภัณฑ์และเครื่องมือทางการแพทย์ ซึ่งการจับมือพันธมิตรทางธุรกิจในครั้งนี้ จะเป็นส่วนสร้างโอกาสเพิ่มรายได้และกำไรสุทธิที่แข็งแกร่งและต่อเนื่องในอนาคต