บมจ.บี.กริม เพาเวอร์ (BGRIM) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 7 ธ.ค.66 บี.กริม เพาเวอร์ได้จัดตั้งบริษัทร่วมชื่อ Xekong 4 Power Co., Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทที่จดทะเบียนจัดตั้งภายใต้กฎหมายสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป. ลาว) โดยถือหุ้นในสัดส่วน 20% ของทุนจดทะเบียน ด้วยเงินลงทุนจำนวน 3,276.60 ล้านกีบลาว (เทียบเท่า 5.6 ล้านบาท โดยประมาณ)
Xekong 4 Power Co., Ltd. (XK4) มีทุนจดทะเบียน 16,383 ล้านกีบลาว แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 163,830 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 100,000 กีบลาว โดย BGRIM ถือหุ้น 20% บมจ.ราช กรุ๊ป (RATCH) ถือหุ้น 60% และ Lao World Engineering and Construction Co., Ltd. ถือหุ้น 20%
โดย RATCH มีสัดส่วนเงินลงทุน จำนวน 9,829.8 ล้านกีบ หรือประมาณ 16.7 ล้านบาท โดยจะชำระค่าหุ้นตามกฎหมาย สปป. ลาว จากเงินทุนหมุนเวียนของบริษัทฯ
การจัดตั้งบริษัทย่อยดังกล่าวเพื่อพัฒนาและดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำเซกอง 4A และ 4B ขนาดกำลังการผลิตติดตั้งรวม 355 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ในแขวงเซกอง สปป. ลาว ในส่วนของสำนักงานของ XK4 ตั้งอยู่ที่ 187 หน่วย 12 ถนนไกสอนพมวิหาน บ้านโพนสะอาด เมืองไซเสดถา นครหลวงเวียงจันทน์ สปป. ลาว
นายฮาราลด์ ลิงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BGRIM เปิดเผยว่า การลงทุนในธุรกิจเกี่ยวกับพลังงานทดแทนในครั้งนี้ เป็นไปตามเป้าหมายของ บี.กริม เพาเวอร์ เพื่อก้าวสู่การเป็นบริษัทพลังงานชั้นนำระดับโลก และสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ GreenLeap-Global and Green ที่มุ่งยกระดับความร่วมมือทางธุรกิจระดับโลกกับพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ ตามวิสัยทัศน์องค์กร "สร้างพลังให้กับสังคมโลกด้วยความโอบอ้อมอารี (Empowering the World Compassionately)
ทิศทางการดำเนินธุรกิจของ BGRIM มุ่งมั่นขยายการลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยมีโครงการโรงไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนที่อยู่ระหว่างก่อสร้างและพัฒนาโครงการในหลาย อาทิ ประเทศเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น เวียดนาม ฟิลิปปินส์ กัมพูชา กรีซ สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และซาอุดิอาระเบีย รวมทั้งประเทศไทย
"การขยายการลงทุนในครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการมุ่งหน้าสู่เป้าหมายเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนมากกว่า 50% เพื่อลดผลกระทบจากความผันผวนของราคาก๊าซธรรมชาติในระยะยาว และยังเป็นการขยายความร่วมมือทางธุรกิจเพื่อสร้างพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อการต่อยอดและสร้างโอกาสทางธุรกิจ ซึ่งเป็นกลยุทธ์สำคัญในการดำเนินธุรกิจของ BGRIM"
บริษัทตั้งเป้ากำลังผลิตไฟฟ้าเติบโตสู่ 10,000 เมกะวัตต์ จากโครงการที่เปิดดำเนินการแล้วและอยู่ระหว่างพัฒนา ภายในปี 2573 และเป็นองค์กรที่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ หรือ Net-Zero Carbon Emissions ภายในปี ค.ศ. 2050 (ปี พ.ศ. 2593)