ศาลปกครองพิพากษายกฟ้องในคดีที่ บมจ.จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก (EASTW) ยื่นฟ้องคณะกรรมการคัดเลือกเอกชนเพื่อบริการและดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก และกรมธนารักษ์ และต่อมาศาลฯ เรียกคณะกรรมการที่ราชพัสดุเป็นผู้ถูกฟ้องคดีเพิ่มเติม กรณีที่คณะกรรมการคัดเลือกฯ ที่แต่งแต่งโดยกรมธนารักษ์ มีคำสังยกเลิกผลการคัดเลือกครั้งแรก พร้อมออกประกาศเชิญชวนคัดเลือกเอกชนฉบับใหม่ เป็นเหตุให้ EASTW ได้รับความเสียหาย
EASTW ระบุว่า พิจารณาแล้วและยังมีความเห็นแตกต่างจากคำพิพากษาทั้งในประเด็นข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่สำคัญ และศาลปกครองกลางยังไม่ได้วินิจฉัยประเด็นที่บริษัทยกขึ้นมาต่อสู้คดีอย่างครบถ้วน ประกอบกับคำพิพากษาดังกล่าวยังไม่มีผลเป็นที่สุด จนกว่าจะมีคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด ซึ่งบริษัทจะพิจารณาใช้สิทธิอุทธรณ์คำพิพากษาไปยังศาลปกครองสูงสุดตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป และหากบริษัทได้รับความเสียหายใด ๆ ยังสามารถใช้สิทธิฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากผู้ที่เกี่ยวของได้ในอนาคต
อย่างไรก็ตาม ผลของคำพิพากษาศาลปกครองกลางข้างต้น ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานตามปกติ เนื่องจากได้เตรียมแผนงานไว้แล้วนับตั้งแต่วันที่บริษัทรับทราบผลการคัดเลือกเอกชนฯ และได้ดำเนนการตามแผนงานมาโดยลำดับ
ปัจจุบัน บริษัทมีโครงข่ายท่อส่งน้ำอื่น ๆ ของบริษัทเองใช้บริหารจัดการส่งน้ำจำหน่ายในพื้นที่ จ.ระยอง ชลบุรี และฉะเชิงเทรา มีความยาวทั้งสิ้น 387 กิโลเมตร และอยู่ระหว่างการก่อสร้างเพิ่มเติมอีก 139 กิโลเมตร เพื่อก่อสร้างแล้วเสร็จจะทำให้โครงข่ายท่อส่งน้ำมีความสามารถสูบส่งรวม 647 ลูกบาศก์เมตร/ปี รวมทั้งมีสถานีสูบน้ำอีกหลายแห่ง เชื่อมโยงกับแหล่งน้ำต้นทุนหลักในภาคตะวันออก ซึ่งไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของข้อพิพาทคดีนี้ อีกทั้งบริษัทยังมีธุรกิจน้ำครบวงจร เช่น น้ำประปา และน้ำอุตสาหกรรม ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา บริษัทได้ลงนามสัญญาโครงการน้ำครบวงจรไปแล้วมากกว่า 1 แสนลูกบาศก์เมตร/วัน ดังนั้น บริษัทจึงยังคงประกอบธุรกิจได้ตามปกติและมีความพร้อมในการประกอบธุรกิจอย่างต่อเนื่อง