PTTCHแจง Q1/51 กำไรพุ่ง 114% จากปริมาณผลิตเพิ่ม-ราคาผลิตภัณฑ์สูงขึ้น

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday May 6, 2008 11:07 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          นายอดิเทพ พิศาลบุตร์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท.เคมิคอล (PTTCH) เปิดเผยว่า ไตรมาส 1/51 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2551 บริษัทละบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 5,715 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,041 ล้านบาท หรือร้อยละ 114 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 2,674 ล้านบาท เป็นผลจากการปรับตัวสูงขึ้นของปริมาณการผลิตและราคาผลิตภัณฑ์ที่ปรับตัวสูงขึ้น        
อัตราการใช้กำลังการผลิต (Capacity Utilization Rate) ของโรงโอเลฟินส์ของบริษัทในไตรมาส 1/51 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 61 ในไตรมาส 1/50 เป็นร้อยละ 91 แม้ว่าบริษัทจะมีการหยุดโรงงาน I4-1 ในเดือนมกราคม 2551 เป็นเวลา 12 วันก็ตาม เนื่องจากในไตรมาส 1/50 บริษัทได้ปิดโรงโอเลฟินส์ I4-1 เพื่อเชื่อมต่อส่วนขยายกำลังการผลิตและการบำรุงรักษาประจำปี รวมทั้งได้ปิดโรงโอเลฟินส์ I4-2 เพื่อตรวจสอบอุปกรณ์และบำรุงรักษาในช่วงระยะเวลาการรับประกัน ส่งผลให้ปริมาณผลิตโอเลฟินส์, HDPE และ MEG ในไตรมาส 1/51 นี้เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนคิดเป็นร้อยละ 67, 39 และ 88 ตามลำดับ
ประกอบกับ บริษัท ไทยโอลีโอเคมี จำกัด (TOL) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ PTTCH ได้เริ่มทำการผลิตเชิงพาณิชย์ของหน่วยผลิต Methyl Ester ในเดือนกุมภาพันธ์ 51
ในส่วนของราคาผลิตภัณฑ์และวัตถุดิบในไตรมาส 1/51 ได้ปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะราคาวัตถุดิบแนฟทาที่มีการปรับเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันดิบ ประกอบกับสภาวะตลาดที่ค่อนข้างตึงตัว จึงส่งผลให้ส่วนต่างระหว่างราคาผลิตภัณฑ์ HDPE และ MEG เทียบกับราคาแนฟทาปรับตัวสูงขึ้นประมาณร้อยละ 8 และ 68 ตามลำดับ
อย่างไรก็ดี เนื่องจากวัตถุดิบหลักของบริษัทฯ เป็นก๊าซธรรมชาติ ซึ่งมีราคาผันผวนน้อยกว่าราคาแนฟทา(MOPS) ที่แปรผันตามราคาน้ำมันดิบ ดังนั้นส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์และวัตถุดิบของบริษัทฯ (ก๊าซธรรมชาติ) จึงปรับตัวขึ้นสูงกว่าส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์และ แนฟทา (MOPS) สำหรับหน่วยผลิต ME ของ TOL ราคาขาย ME, ราคาวัตถุดิบ (Crude Palm Oil-CPO) และส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ ในไตรมาส 1/51 สรุปได้ดังนี้
หน่วย : เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน
ราคาขาย ME ราคา CPO ME-CPO
1,440* 1,065** 375

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ