บมจ.ราช กรุ๊ป (RATCH) เปิดเผยว่า ตามที่บริษัทได้ลงนามสัญญาจัดหาก๊าซธรรมชาติเหลวระยะสั้น ระหว่างบริษัท หินกองเพาเวอร์โฮลดิ้ง จำกัด (HKH) กับ Gunvor Singapore Pte. Ltd. เพื่อจัดหาและนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลวสำหรับใช้เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าของโครงการโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมหินกอง ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าเอกชนขนาดใหญ่ (Independent Power Producer: IPP) กำลังการผลิตตามสัญญารวม 1,400 เมกะวัตต์นั้น
เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์2567 HKH ได้เริ่มนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) เป็นครั้งแรกในปริมาณ 62,000 ตัน เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ของโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมหินกอง ชุดที่ 1 กำลังการผลิตตามสัญญา 700 เมกะวัตต์ ในวันที่ 1 มีนาคม 2567 ซึ่งนับเป็นเอกชนรายแรกของประเทศไทยที่นำเข้า LNG มาในประเทศ
นอกจากนี้ การนำเข้า LNG ยังเป็นการต่อยอดธุรกิจให้ครบวงจรระหว่างธุรกิจผลิตไฟฟ้าและธุรกิจก๊าซธรรมชาติอีกทั้งยังเป็นไปตามนโยบายส่งเสริมการแข่งขันในกิจการก๊าซธรรมชาติของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เพื่อลดความเสี่ยงในการจัดหาก๊าซธรรมชาติและเพิ่มความมั่นคงทางด้านพลังงานของประเทศ
HKH เป็นบริษัทย่อยที่ RATCH ถือหุ้นร่วมกับ บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) ในสัดส่วนร้อยละ 51 และ 49 ตามลำดับ โดยเป็นผู้ถือใบอนุญาตการเป็นผู้ประกอบการจัดหาและค้าส่งก๊าซธรรมชาติ(LNG Shipper License) ปริมาณ 1.4 ล้านตันต่อปีซึ่งในปี 2567 HKH มีแผนนำเข้า LNG ทั้งสิ้นประมาณ 0.64 ล้านตัน เพื่อนำไปใช้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมหินกอง
นางสาวชูศรี เกียรติขจรกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ RATCH กล่าวว่า โครงการโรงไฟฟ้าหินกอง จังหวัดราชบุรี มีภารกิจสำคัญในการผลิตกระแสไฟฟ้าเพื่อเสริมความมั่นคงด้านพลังงานให้กับระบบไฟฟ้าทางภาคตะวันตกของประเทศ ประกอบด้วย โรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม 2 ชุด ขนาดกำลังผลิตตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้ารวม 1,400 เมกะวัตต์ ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงหลัก โดยมีบริษัท หินกองเพาเวอร์โฮลดิ้ง จำกัด เป็นผู้ดำเนินการจัดหาเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติเหลวที่มีคุณภาพและต้นทุนที่เหมาะสม ควบคุมดูแลและบริหารจัดการจัดส่งก๊าซธรรมชาติเพื่อป้อนให้กับโรงไฟฟ้าหินกองได้ตามแผนการผลิต
"ความสำเร็จในการนำเข้า LNG ล๊อตแรก ของ HKH วันนี้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นในการจัดหาเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติโดยผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชน ที่รุกเข้าสู่ธุรกิจต้นน้ำของห่วงโซ่ธุรกิจเพื่อมุ่งบริหารจัดการเชื้อเพลิง อันถือเป็นหัวใจสำคัญที่จะรองรับประสิทธิภาพของกระบวนการผลิตไฟฟ้าให้มีความมั่นคง และสามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าที่มีเสถียรภาพ เพื่อส่งมอบให้กับ กฟผ. ได้ตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะเวลา 25 ปี"
นางพรทิพา ชินเวชกิจวานิชย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร GULF กล่าวว่า การที่บริษัท หินกองเพาเวอร์โฮลดิ้ง จำกัด สามารถนำเข้า LNG เที่ยวแรกได้นั้น นับเป็นความสำเร็จก้าวแรกของเอกชนตามนโยบายการส่งเสริมการแข่งขันในกิจการก๊าซธรรมชาติของรัฐบาล นอกจากจะเป็นประโยชน์ต่อต้นทุนการผลิตไฟฟ้าของประเทศแล้ว ยังเป็นการเพิ่มทางเลือกให้แก่ผู้ที่มีความต้องการใช้ก๊าซ ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจและภาคอุตสาหกรรมของประเทศโดยรวม โดยทาง HKH มีแผนนำเข้า LNG ประมาณ 0.64 ล้านตันในปี 2567 เพื่อป้อนโรงไฟฟ้าหินกองทั้งหมด ทำให้บริษัทสามารถบริหารต้นทุนการผลิตไฟฟ้าได้
"นอกจากการนำเข้า LNG เพื่อนำมาใช้กับโรงไฟฟ้าหินกองแล้ว ในอนาคต GULF จะจัดหาและนำเข้า LNG ในปริมาณรวมประมาณ 7.8 ล้านตันต่อปี เพื่อนำมาเป็นเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้าให้กับโครงการโรงไฟฟ้า IPP ของกลุ่มบริษัทฯ ทั้งโรงไฟฟ้ากัลฟ์ ปลวกแดง (GPD) และโรงไฟฟ้ากัลฟ์ ศรีราชา (GSRC) และจำหน่ายให้แก่ลูกค้าอุตสาหกรรมของโรงไฟฟ้า SPP จำนวน 19 โครงการของกลุ่มบริษัทฯ รวมไปถึงกลุ่มของบริษัทปตท. จำหน่ายก๊าซธรรมชาติ จำกัด (PTT NGD) โดย GULF ยังมีแผนที่จะนำ LNG มาใช้บริการกับท่าเทียบเรือก๊าซและสถานีรับ-จ่ายก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG Terminal) ของโครงการท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุดระยะที่ 3 ซึ่งบริษัทฯ อยู่ระหว่างการพัฒนาโครงการนี้ในโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) เพื่อขยายการเข้าถึง LNG ในภูมิภาคอีกด้วย" นางพรทิพา กล่าวเสริม
นายธนพงษ์ เจียมอนุกูลกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท หินกองเพาเวอร์โฮลดิ้ง จำกัด กล่าวว่า HKH มีความพร้อมด้านจัดหาแหล่งเชื้อเพลิงในรูปแบบของการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลวที่มีคุณภาพและมีปริมาณที่เพียงพอ สามารถรองรับความต้องการใช้เชื้อเพลิง เพื่อสนับสนุนธุรกิจด้านการผลิตไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าหินกองให้เกิดความมั่นคงและมีประสิทธิภาพ
โดยบริษัทได้ลงนามสัญญาซื้อขาย LNG กับ Gunvor Singapore Pte. Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ Gunvor Group Ltd. บริษัทชั้นนำด้านการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ประเภทพลังงาน เพื่อเป็นผู้จัดหาและนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลวสำหรับใช้เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าของโครงการโรงไฟฟ้าหินกอง มีระยะเวลาสัญญา 3 ปี ซึ่งทาง Gunvor จะได้จัดหาก๊าซธรรมชาติเหลว ประมาณ 500,000 ตันต่อปี เพื่อส่งมอบให้แก่บริษัท โดยทาง HKH จะใช้บริการสถานีแอลเอ็นจี มาบตาพุดแห่งที่ 2 (LMPT 2) ของบริษัท พีทีที แอลเอ็นจี จำกัด ในการแปรสภาพของเหลวเป็นก๊าซ และส่งเข้าระบบท่อส่งก๊าซของ ปตท.เพื่อส่งไปยังโรงไฟฟ้าหินกองต่อไป