บมจ.เอ็นอีพี อสังหาริมทรัพย์และอุตสาหกรรม (NEP) ชี้แจงข้อมูลต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เกี่ยวกับข้อเท็จจริงกรณีที่ปรากฎข้อมูลในหมายเหตุประกอบงบการเงินประจ ปี 2566 เกี่ยวกับการหยุดกระบวนการผลิตและขายสินค้า การขายสินทรัพย์ที่ใช้ในการประกอบธุรกิจ และการเลิกจ้างพนักงาน ซึ่งเป็นเหตุให้ส่งผลกระทบต่อฐานะการเงินและผลการดำเนินงานของบริษัท
สืบเนื่องจากบริษัทมีผลการดำเนินงานจากธุรกิจหลักขาดทุนสุทธิต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2551 จนถึงปัจจุบัน ยาวนานมากกว่า 15 ปีและมีกระแสเงินสดติดลบอย่างต่อเนื่อง ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา บริษัทได้พยายามแก้ไขปัญหาต่าง ๆ อาทิการปรับปรุงคุณภาพสินค้า การลดการสูญเสียในกระบวนการผลิต การควบคุมค่าใช้จ่าย การวางแผนกำลังคนเพื่อให้สอดคล้องกับการรับคำสั่งซื้อ รวมทั้งการชะลอรับบุคลากรในสายงานผลิต และลดการทำงานล่วงเวลา
รวมทั้งยอดขายผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์ชนิดอ่อนที่บริษัทผลิตเอง ก็ได้รับผลกระทบจากการสั่งซื้อสินค้าที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ จากสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง มีการแข่งขันทางด้านราคา ลูกค้ามีกำลังการสั่งซื้อสินค้าในปริมาณที่น้อยลงโดยไม่เก็บเป็นสต็อก ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตสูง ถึงแม้ว่าบริษัทจะมีความพยายามในการปรับปรุงผลการด เนินงานมาโดยตลอด แต่ก็ไม่สามารถสร้างกำไรขั้นต้นได้
บริษัทเห็นว่าหากดำเนินงานในธุรกิจเดิมต่อไปจะทำให้มีผลกระทบต่องบการเงินและสภาพคล่องของบริษัทอีกทั้งยังมีเจ้าหนี้ทางการค้าสะสมที่รอการชำระหนี้จากการสั่งซื้อวัตถุดิบเพื่อการผลิตหลายรายที่มีความเสี่ยงว่าบริษัทฯจะถูกฟ้องร้อง บริษัทได้เคยพิจารณาแผนธุรกิจที่จะปรับรูปแบบการทำธุรกิจจากการเป็นผู้ผลิต มาเป็นตัวแทนจำหน่าย (Trading) แต่เมื่อวิเคราะห์แล้วพบว่ามีความเสี่ยงสูงในด้านการแข่งขันทางด้านการตลาดที่รุนแรง มีการแข่งขันทางด้านราคาและเสี่ยงต่อการถูกร้องเรียนคุณภาพสินค้า
จากเหตุผลและความจำเป็นดังกล่าว บริษัทจึงพิจารณาหยุดการดำเนินงานในธุรกิจที่มีผลขาดทุนทุกชนิดตามที่บริษัทฯได้รายงานไปในรายงานแนวทางและความคืบหน้าการดำเนินการแก้ไข กรณีถูกขึ้นเครื่องหมาย C เมื่อวันที่ 23 พ.ย.2566 ว่าบริษัทฯจะยุติทุกรายการสินค้าและทุกธุรกิจที่บริษัทมีผลการขาดทุนขั้นต้น ดังนั้นบริษัทฯจึงจำเป็นที่ต้องยุติการผลิตและการจัดหน่ายผลิตภัณฑ์กระสอบพลาสติกและผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์ชนิดอ่อน และการเลิกจ้างพนักงานในสายงานผลิตทั้งหมด สายงานการตลาดและขาย และสายงานสนับสนุนบางส่วน รวมถึงการขายสินทรัพย์เครื่องจักร อุปกรณ์ยานพาหนะ และวัตถุดิบที่ไม่ได้ใช้งาน ลดขนาดโครงสร้างองค์กรลง เพื่อลดต้นทุนคงที่อย่างชัดเจน เพื่อให้บริษัทมีกระแสเงินสดเป็นบวก และมีเงินสดจากการขายทรัพย์สินฯไว้ใช้เป็น Working Capital สำหรับแผนดำเนินธุรกิจใหม่ในอนาคต
ดังนั้น ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 21 ธ.ค.2566 มีมติเห็นชอบอนุมัติแผนธุรกิจประจำปี 2567 ซึ่งเป็นแผนการยุติการผลิตและจัดจ หน่ายผลิตภัณฑ์กระสอบพลาสติกและบรรจุภัณฑ์ชนิดอ่อน และการเลิกจ้างพนักงานในสายงานผลิตทั้งหมด สายงานการตลาดและขาย และสายงานสนับสนุนบางส่วน ซึ่งบริษัทฯแจ้งให้พนักงานรับทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 30 วัน ตามคำแนะนำของสวัสดิการคุ้มครองแรงงานแรงงาน เมื่อวันที่ 9 ม.ค.2567 ซึ่งเป็นพนักงานในสายงานการผลิตทั้งหมด สายงานการตลาดและขาย และส่วนงานสนับสนุนบางส่วน รวมทั้งสิ้น 108 คน โดยปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงานอย่างถูกต้อง ซึ่งไม่มีข้อพิพาทด้านแรงงานแต่อย่างใด สืบเนื่องจากพนักงานเข้าใจสถานการณ์ของบริษัทมาโดยตลอด
อย่างไรก็ตาม ยังมีพนักงานที่ยังคงสถานภาพพนักงานของบริษัทฯในการดำเนินกิจการตามปกติรวม 14 คน ประกอบด้วย ผู้บริหารระดับสูง ซึ่งมีบทบาทที่สคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจและบริหารกิจการของบริษัทให้เป็นไปตามแผนงาน เลขานุการบริษัท มีหน้าที่จัดทำและเก็บรักษาเอกสารสำคัญ และช่วยคณะกรรมการและบริษัทให้ปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบข้อบังคับที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ ฝ่ายบัญชีการเงิน 3 คน รับผิดชอบงานบัญชีและการเงินรวมทั้งการปิดงบการเงินของบริษัท ผู้ตรวจสอบภายในรับผิดชอบในการตรวจสอบและประเมินความเพียงพอของมาตรการควบคุมภายใน เจ้าหน้าที่กฎหมายให้คำปรึกษาด้านกฎหมาย เจ้าหน้าที่การตลาด รับผิดชอบงานด้านแผนธุรกิจใหม่ร่วมกับฝ่ายจัดการ เจ้าหน้าที่เทคโนโลยีสารสนเทศ ควบคุมดูแลด้านสารสนเทศ Hardware, Software และ Network ธุรการสำนักงาน 4 คน ดูแลงานต้อนรับ งานเอกสาร รับ-ส่งเอกสาร อาคารสถานที่ และยานพาหนะ และเมื่อเริ่มประกอบกิจการในธุรกิจ บริษัทฯจะพิจารณารับพนักงานเข้ามาเพิ่ม
หลังจากบริษัทหยุดกระบวนการผลิตและขายสินค้าเมื่อวันที่ 23 ก.พ.2567 แต่ยังคงทยอยส่งสินค้าสำเร็จรูปที่ผลิตไว้แล้วให้กับลูกค้าที่มีกำหนดเวลาให้ทยอยส่งสินค้า เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบกับลูกค้า บริษัทจะยังรับรู้รายได้จากการขายจนถึงช่วงเดือน มิ.ย.2567 รวมมูลค่าประมาณการ 2.90 ล้านบาท จนถึงวันที่ส่งสินค้าครบถ้วน
สำหรับการขายสินทรัพย์ที่ใช้ในการประกอบธุรกิจนั้น บริษัทได้เปิดประมูลขายทรัพย์สินที่เป็นเครื่องจักร เช่น เครื่องพิมพ์ฟิล์ม เครื่องเคลือบ เครื่องสลิท และเครื่องทำซอง อุปกรณ์ เช่น เครื่อง Chiller, Air compressor ยานพาหนะ เช่น รถรับ-ส่งพนักงาน รถบรรทุกส่งสินค้า และวัตถุดิบที่ไม่ได้ใช้งาน เช่น ฟิล์ม สี กาว บล็อกพิมพ์ รวมมูลค่าตามบัญชีคงเหลือ 36.78 ล้านบาท โดยประกาศบนเว็บไซต์ตั้งแต่วันที่ 19 ม.ค.-20 ก.พ.2567 ประกาศผลผู้ชนะราคาการประมูลวันที่ 1 มี.ค.2567 ซึ่งได้นำรายการทรัพย์สินบางรายการที่ชนะราคาการประมูล 9 รายการ เสนอขออนุมัติต่อที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 28 ก.พ.2567 ด้วยงบประมาณ 5.1 ล้านบาท ส่วนสินทรัพย์ที่ยังคงเหลือ บริษัทฯจะเปิดหาผู้ประมูลที่เสนอราคาสูงสุดต่อไป
และหลังจากบริษัทฯยุติธุรกิจผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์ บริษัทฯจะยังรับรู้รายได้ค่าเช่า และจะนำโรงงานผลิตที่ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมนวนคร จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นโรงงานผลิตสินค้าของบริษัทออกให้เช่า เพื่อสร้างรายได้ให้กับบริษัทในระหว่างการศึกษาธุรกิจใหม่
ขณะที่สถานะและความคืบหน้าของการศึกษาธุรกิจใหม่นั้น ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 18/2566 เมื่อวันที่ 21 ธ.ค. 2566 ได้พิจารณาอนุมัติแผนธุรกิจที่เกี่ยวกับธุรกิจสิ่งแวดล้อม ที่มีความเสี่ยงต่ำ เหมาะสมกับสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน ซึ่งบริษัทฯได้เล็งเห็นถึงศักยภาพที่จะเป็นธุรกิจที่สร้างความยั่งยืนให้กับบริษัทต่อไปได้โดยบริษัทฯมีการกำหนดกรอบเวลาในการดำเนินงานตามแผนธุรกิจใหม่คาดว่าในเดือน ส.ค. - ก.ย. 2567 จะสรุปแผนการลงทุนในธุรกิจใหม่ และเดือน ต.ค. - ธ.ค. 2567 ดำเนินการในธุรกิจใหม่ตาม Action Plan จากการวิเคราะห์แผนการเงินและกระแสเงินสดอย่างละเอียดรอบคอบแล้วว่าการเปลี่ยนแปลงธุรกิจในครั้งนี้ บริษัทจะมีงบการเงินและกระแสเงินสดในปี 2567 ที่ ดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา
เหตุผลที่บริษัทไม่เปิดเผยข้อมูลมติคณะกรรมการบริษัทเกี่ยวกับแผนการหยุดประกอบธุรกิจต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ทันทีนั้น NEP ระบุว่า ไม่มีเจตนาที่จะไม่เปิดเผยข้อมูลที่สำคัญ และไม่มีเจตนาเป็นอื่นใดที่จะไม่ปฏิบัติตามขั้นตอน ข้อบังคับของตลท.และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แต่เกิดจากความความเข้าใจของฝ่ายจัดการบริษัทว่าข้อมูลที่มีในการเสนอแผนธุรกิจที่มีธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับการจำหน่ายทรัพย์สินครั้งนี้เข้าข่ายเป็นรายการขนาดเล็ก (X<15%)