SGC เพิ่มทุนครั้งใหญ่ 5.23 พันล้านหุ้นรองรับ RO-วอร์แรนต์ส่วนใหญ่ใช้คืนหนี้ พร้อมกู้ SINGER อีก 6.1 พันลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday July 2, 2024 09:03 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.เอสจี แคปปิตอล (SGC) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียน 5,232 ล้านบาท จากเดิม 3,270 ล้านบาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่ 8,502 ล้านบาท ด้วยการออกหุ้นเพิ่มทุน 5,232 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท บริษัทจะจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนดังนี้

1. ผู้ถือหุ้นเดิมไม่เกิน 3,270 ล้านหุ้น ตามสัดส่วนการถือหุ้น อัตราส่วน 1 หุ้นสามัญเดิม ต่อ 1 หุ้นสามัญเพิ่มทุน ราคาเสนอขายเป็นราคาที่มีส่วนลดไม่เกิน 15% จากราคาตลาด โดยจะกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุน (Record Date) วันที่ 19 ส.ค.67

2. รองรับการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท ครั้งที่ 1 (SGC-W1) ที่จัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม (ก่อนการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุน) จำนวนไม่เกิน 654 ล้านหุ้น โดยไม่คิดมูลค่า ในอัตราส่วน 5 หุ้นสามัญเดิม ต่อ SGC-W1 จำนวน 1 หน่วย อายุ 1 ปี ราคาใช้สิทธิแปลงสภาพจะมีส่วนลด 10% ของราคาตลาด ณ วันกำหนดราคาใช้สิทธิ

3. รองรับการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท ครั้งที่ 2 (SGC-W2) ที่จัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทที่จองซื้อและได้รับจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุน จำนวนไม่เกิน 1,309 ล้านหุ้น ในอัตราส่วน 2.5 หุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อใบสำคัญแสดงสิทธิ SGC-W2 จำนวน 1 หน่วย อายุใบสำคัญแสดงสิทธิ 3 ปี โดยราคาใช้สิทธิแปลงสภาพจะมีส่วนเพิ่ม 10% ของราคาตลาด ณ วันกำหนดราคาใช้สิทธิ

บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ ซึ่งประกอบด้วย การเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม จำนวนไม่เกิน 4,905 ล้านบาท เงินรับจากการใช้สิทธิแปลงสภาพ SGC-W1 จำนวนไม่เกิน 1,177.20 ล้านบาท และเงินรับจากการใช้สิทธิแปลงสภาพ SGC-W2 จำนวนไม่เกิน 2,746.80 ล้านบาท รวมทั้งสิ้นไม่เกิน 8,829 ล้านบาท ไปชำระคืนเงินกู้ยืมจากบริษัทใหญ่ ไม่เกิน 5,000 ล้านบาทภายในปี 67 และนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน

บริษัทคาดว่าจะดำเนินการออกและเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้กับผู้ถือหุ้นเดิมให้แล้วเสร็จภายในเดือน ก.ย.67 รวมถึงการออกและเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิ SGC-W1 และ SGC-W2 ภายในเดือน ก.ย.67 เช่นกัน

นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติกการเข้าทำสัญญาเงินกู้กับ บมจ.ซิงเกอร์ ประเทศไทย (SINGER) ซึ่งถือหุ้นบริษัท 74.92% ในวงเงินไม่เกิน 6,100 ล้านบาท ระยะเวลา 4 ปี (ชำระคืนภายในปี 71) อัตราดอกเบี้ยลอยตัวอ้างอิง MLR บวกส่วนต่าง 0.25% ต่อปี หรือต้นทุนทางการเงินที่เกิดขึ้นจริงของ SINGER บวกส่วนต่าง 0.25% ต่อปี เพื่อใช้รักษาสภาพคล่องทางการเงิน และ/หรือใช้เป็นวงเงินทดแทนภาระหนี้ของบริษัทในส่วนที่จะครบกำหนดในปี 68 โดยบริษัทสามารถทยอยเบิกเงินกู้เพื่อทดแทนภาระหนี้เงินกู้เดิมได้เท่านั้น

นายอโณทัย ศรีเตียเพ็ชร กรรมการผู้จัดการ SGC เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจครึ่งปีแรกเดินหน้าตามแผน SGC เข้าสู่ช่วงเทิร์นอะราวด์ และเป็นไปตามกลยุทธ์ที่วางไว้ จากการมุ่งเน้นธุรกิจที่ให้ดอกเบี้ยรับสูงขึ้น การควบคุมความเสี่ยงในการปล่อยสินเชื่อ การเรียกเก็บเงิน การควบคุมต้นทุน สะท้อนมาที่พอร์ตสินเชื่อใหม่เติบโตอย่างมีคุณภาพ โดยโฟกัสสินเชื่อ "เอสจี ไฟแนนซ์พลัส (SG Finance+)" ภายใต้แคมเปญ Locked Phone มองว่าจะเป็น Turning Point ของ SGC เนื่องจากแผนการปล่อยสินเชื่อเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้

โดยตั้งแต่เริ่มเปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบผ่านร้านมือถือชั้นนำทั่วประเทศ (Nationwide) ไปเมื่อวันที่ 5 มิ.ย.ที่ผ่านมา ได้รับการตอบรับจากพาร์ทเนอร์แบรนด์มือถือ และดีลเลอร์ร้านค้าชั้นนำจำนวนมาก โดยในเดือน มิ.ย. SG Finance+ ปล่อยสินเชื่อได้กว่า 18,000 สัญญา และมียอดสินเชื่อรวมกว่า 168 ล้านบาท สนับสนุนครึ่งปีแรกปล่อยสินเชื่อได้กว่า 30,000 สัญญา และมียอดสินเชื่อรวมกว่า 280 ล้านบาท ผ่านร้านค้าพันธมิตรครอบคลุมทั่วประเทศกว่า 2,900 แห่ง ซึ่งคาดการณ์จะเติบโตแตะ 5,000 แห่งภายในสิ้นปี 67

และไฮไลท์ในครึ่งปีหลัง บริษัทจับมือพันธมิตรแบรนด์มือถือชั้นนำเพิ่มเติม คือ Realme สนับสนุนให้ในเดือน ก.ค.67 จะมีแบรนด์มือถือที่เข้าร่วมโครงการทั้งสิ้น 4 แบรนด์ ได้แก่ Oppo, Vivo, Xiaomi และ Realme ซึ่งถือเป็นยักษ์ใหญ่ที่มีมาร์เก็ตแชร์ตลาดสมาร์ทโฟนในไทยรวมกันประมาณ 55% เพิ่มโอกาสการเติบโตรับแนวโน้มครึ่งปีหลังมีดีมานด์จากการเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ที่มาพร้อมเทคโนโลยี AI เข้ามากระตุ้นกำลังซื้อ และความต้องการเปลี่ยนอุปกรณ์ให้เร็วขึ้นกว่าเดิม สนับสนุนความต้องการสินเชื่อ SG Finance+ ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก

           อย่างไรก็ดี บริษัทประเมินยอดปล่อยสินเชื่อจาก SG Finance+ คาดว่าจะเป็นไปตามแผนที่วางไว้ ภายใต้นโยบายการปล่อยสินเชื่อที่รัดกุม โดยพิจารณาความเสี่ยงทางด้านเครดิตของลูกค้า และวงเงินกู้ตามความสามารถในการผ่อนของลูกค้า เพื่อให้สอดคล้องตามนโยบายของภาครัฐ โดยบริษัทมีแผนลดการปล่อยสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ (C4C) ซึ่งมีอัตราดอกเบี้ย EIR ต่ำ และมีการแข่งขันสูงกว่า อีกทั้งมีระยะเวลาการปล่อยสินเชื่อประมาณ 4-5 ปี

ส่วนสินเชื่อ SG Finance+ ที่นำเข้ามาบุกตลาดในปีนี้ มีอัตราดอกเบี้ย EIR สูงกว่า มีระยะเวลาการปล่อยสินเชื่อเพียง 1-2 ปี สะท้อนรายได้ดอกเบี้ยรับมากกว่าเท่าตัว และเงินสดกลับเข้ามาที่บริษัทฯ เร็วขึ้น พร้อมกับการพิจารณาอนุมัติเฉพาะลูกค้าที่มีประวัติดี จึงมองเป็นโอกาสในการเติบโต สนับสนุนเป้าหมายในปี 67 ผลงานจะพลิกกลับมาเป็นบวก ด้วยคุณภาพ NPL อยู่ในระดับต่ำต่อเนื่อง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ