บมจ.อินโดรามา เวนเจอร์ส (IVL) เปิดเผยรายงานการทบทวนกลยุทธ์ช่วงกลางปีเกี่ยวกับความคืบหน้าของแผนงาน IVL 2.0ของบริษัทว่า เพื่อปรับเปลี่ยนไปสู่ภูมิทัศน์อุตสาหกรรมที่กำลังเปลี่ยนแปลง ซึ่งถูกผลักดันโดยกำลังการผลิตส่วนเกินของประเทศจีนและความไม่สมดุลเชิงโครงสร้างในกำลังการผลิตของโรงกลั่นน้ำมันในภูมิภาคที่ส่งผลกระทบต่อต้นทุนวัตถุดิบ คณะผู้บริหารอยู่ระหว่างดำเนินการอย่างมีวิสัยทัศน์และด้วยความรวดเร็วในการปรับใช้ศักยภาพที่มีทั่วโลกอย่างไม่มีใครเทียบเท่าของบริษัท เพื่อแข่งขันในการให้บริการลูกค้าที่เหนือกว่าและสร้างคุณค่าให้แก่ผู้ถือหุ้น
ส่วนหนึ่งของแผนการเพิ่มประสิทธิภาพสินทรัพย์ภายใต้แผนงาน IVL 2.0 คือ การที่บริษัทได้ปิดโรงงานผลิต PET/PTA ในประเทศเนเธอร์แลนด์ และโรงงานผลิตเอทิลีนออกไซด์ (EO) และสารอนุพันธ์ในประเทศออสเตรเลีย อีกทั้ง การเพิ่มประสิทธิภาพของ โรงงานแห่งอื่นๆ
บริษัทประเมินการด้อยค่าและตั้งสำรองค่าใช้จ่ายรวมทั้งสิ้น 660-680 ล้านเหรียญสหรัฐในไตรมาส 2/67 โดยค่าใช้จ่ายในส่วนที่เป็นเงินสดจะถูกจ่ายในครึ่งปีหลังของปี 67 และคาดว่าจะได้รับการชดเชยจากการลดลงของเงินทุนหมุนเวียนมูลค่า 110-130 ล้านเหรียญสหรัฐจากโรงงานที่ปิดไปแล้ว ซึ่งไม่นับรวมรายได้เป็นเงินสดประมาณ 100-125 ล้านเหรียญสหรัฐที่คาดว่าจะได้รับจากการขายที่ดินที่เป็นกรรมสิทธิ ซึ่งจะรับรู้รายได้ในภายหลัง การดำเนินการเหล่านี้เป็นสัดส่วนที่สำคัญของโครงการเพิ่มประสิทธิภาพสินทรัพย์ของบริษัท และบริษัทคาดว่าจะไม่มีมีการด้อยค่าเพิ่มเติมอย่างมีนัยสำคัญอันเป็นผลจากการดำเนินงานตามแผนงานนี้
บริษัทวางโครงสร้างการกำกับดูแลและทีมงานเพื่อดำเนินการเตรียมการจดทะเบียนกลุ่มธุรกิจ Indovida และกลุ่มธุรกิจ Indovinya ในตลาดหลักทรัพย์และการขายสินทรัพย์ที่ไม่ใช่ธุรกิจหลัก โดยกำลังดำเนินการเพื่อปลดล็อคและเพิ่มมูลค่าในตลาด คาดว่าการจดทะเบียนกลุ่มธุรกิจ Indovida ในตลาดหลักทรัพย์จะแล้วเสร็จในปี 2568 ในตลาดหลักทรัพย์ในทวีปเอเชีย ขณะที่การจดทะเบียนกลุ่มธุรกิจ Indovinya คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2569 ในตลาดหลักทรัพย์ฝั่งตะวันตก โดยคาดการณ์จะได้รับเงินจากการระดมทุนรวมเป็นเงินประมาณ 1 พันล้านเหรียญสหรัฐสำหรับทั้งสองธุรกรรม
โดยบริษัทได้เริ่มต้นการคัดเลือกที่ปรึกษาสำหรับการดำเนินงานต่างๆ และกำลังจัดโครงสร้างและวางผังองค์กรสำหรับธุรกิจและหน่วยงานภายใต้กลุ่มธุรกิจ Indovida และกลุ่มธุรกิจ Indovinya ทั้งนี้ การหารือกับทีมที่ปรึกษาตลาดทุนชั้นนำของบริษัทกำลังดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง และได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากนักลงทุนสำหรับสินทรัพย์ดังกล่าวนี้
สำหรับการขายสินทรัพย์ที่ไม่ใช่ธุรกิจหลักสองแห่ง คาดว่าจะทำให้มีรายได้จากการขายประมาณ 300 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2568 การดำเนินการนี้จะช่วยปรับเปลี่ยนฐานสินทรัพย์ของบริษัท ทรัพยากรในการบริหารจัดการช่องทางจำหน่ายของสินทรัพย์ที่ให้ คุณค่าเชิงกลยุทธ์ และนำเงินทุนกลับมาใช้ใหม่เพื่อเสริมสร้างการดำเนินงานธุรกิจหลัก