UBE ทำรายการเกี่ยวโยงแตกไลน์รุกธุรกิจอาหารทุ่ม 357.6 ลบ.เข้าซื้อ Oshinei เชนร้านอาหารญี่ปุ่น

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday August 28, 2024 10:41 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.อุบล ไบโอเอทานอล (UBE) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทอนุมัติเข้าลงทุนในบริษัท โอชิเน เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (Oshinei) จำนวนไม่เกิน 426,370 หุ้น หรือไม่เกิน 80% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดใน Oshinei โดยแบ่งการเข้าลงทุนออกเป็น 2 ช่วง

1. บริษัทจะจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุน Oshinei จำนวน 67,962 หุ้น หรือสัดส่วน 12.75% ภายหลังจากการเพิ่มทุน คิดเป็นจำนวนเงินรวมทั้งสิ้น 76 ล้านบาท และเข้าซื้อหุ้นเดิม 251,816 หุ้น หรือสัดส่วน 47.25% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด จาก Miso Harmony Limited, บริษัท ยูเอ็มพี แล็บ จำกัด และ บริษัท ทรัพย์มั่นคง อินเวสต์ จำกัด

ทั้งนั้ Miso Harmony Limited มีนายทศสีห์ โควสุรัตน์ ผู้ถือหุ้นและผู้ถือหุ้นรายใหญ่ทางอ้อมของ UBE ถือหุ้น 11.80%, นายสิทธิชัย โควสุรัตน์ ถือหุ้น 30.37% และนางวราพร ภาคโพธิ์ นายกิตติศักดิ์ ลีล้อม นายสมพร โพธิ์ษาราช และนางสาวอจัฉรา ผการัตน์ถือหุ้นส่วนที่เหลือ

สำหรับการเข้าลงทุนครั้งที่ 1 นี้ บริษัทจะชำระค่าตอบแทนเป็นเงินสดจำนวน 281,600,796.48 บาท ภายหลังการเข้าลงทุนแล้ว บริษัทจะถือหุ้นใน Oshinei รวมทั้งสิ้นจำนวน 319,778 หุ้น หรือคิดเป็น 60% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด

2.บริษัทมีสิทธิจะซื้อหุ้นสามัญจาก Miso Harmony จากบริษัท ยูเอ็มพี แล็บ จำกัด และบริษัท ทรัพย์มั่นคง อินเวสต์ จำกัด

  • ภายใต้สัญญาให้สิทธิในการเข้าลงทุนครั้งที่ 1 กรณีที่ผลการดำเนินงานรวมของ Oshinei ในปี 67 และปี 68 ต่ำกว่า 97 ล้านบาท บริษัทมีสิทธิในการซื้อหุ้นสามัญของ Oshinei ที่ราคาเท่ากับมูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท เพิ่มเติมเป็นจำนวนรวมไม่เกิน 53,296 หุ้น คิดเป็นไม่น้อยกว่า 5% แต่ไม่เกิน 10% สามารถใช้สิทธิได้ในปี 69 และหากบริษัทใช้สิทธิในการเข้าลงทุนครั้งที่ 1 นี้ บริษัทจะถือหุ้นของโอชิเนรวมทั้งสิ้นไม่เกิน 70% ของหุ้นทั้งหมด
  • ภายใต้สัญญาให้สิทธิในการเข้าลงทุนครั้งที่ 2(Second Call Option Agreement) ในปี 70 บริษัทมีสิทธิซื้อหุ้นจำนวนไม่เกิน 53,296 หุ้น คิดเป็นไม่เกิน 10% ของหุ้นทั้งหมด

ทั้งนี้จะส่งผลให้ราคาในการเข้าทำธุรกรรมภายใต้สัญญาให้สิทธิในการเข้าลงทุนครั้งที่ 2 (Second Call Option Agreement) มีมูลค่าระหว่าง 52-86.50 ล้านบาท ทั้งนี้ ภายหลังจากการใช้สิทธิลงทุนครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 ข้างต้น บริษัทจะถือหุ้นใน Oshinei คิดเป็นสัดส่วนไม่เกิน 80% คาดจะเริ่มดำเนินการเข้าลงทุนใน Oshinei ภายในไตรมาส 4/67

ทั้งนี้ แหล่งเงินทุนสำหรับการเข้าลงทุนในหุ้นสามัญของ Oshinei จำนวน 357.60 บาท ดังนี้

1) กระแสเงินสดจากการดำเนินงาน 120 ล้านบาท

2) เงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน 237.60 ล้านบาท บริษัทฯอยู่ระหว่างการเจรจาเงื่อนไขสัญญาเงินกู้กับสถาบันการเงิน โดยบริษัทคาดว่าจะได้รับข้อเสนอจากสถาบันการเงินในช่วงไตรมาส 4/67 โดยวงเงินกู้ยืมเพิ่มเติมจะทำให้อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนผู้ถือหุ้น (D/E) เพิ่มเป็น 0.45 เท่า จาก 0.41 เท่า ณ สิ้น มิ.ย.67

Oshinei ประกอบธุรกิจแบ่งออกเป็น 1) ธุรกิจขายแฟรนไชส์ร้านอาหารญี่ปุ่นในนามร้านโอชิเน 2) ลงทุนในธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นจำนวน 6 สาขา และธุรกิจร้านอาหารยากินิคุ 1 สาขา ประกอบไปด้วย บริษัท ส.เขมราฐ เจแปน ฟู้ด จำกัด บริษัท อุดร เจแปน ฟู้ด จำกัด บริษัท ส.เขมราฐ อินเตอร์ ฟู้ด จำกัด บริษัท โอชิเน เอ็นเตอร์ไพรส์ เชียงใหม่ จำกัด บริษัท โอชิเน เอ็นเตอร์ไพรส์ สุรินทร์ จำกัด และ บริษัท โอชิเน เอ็นเตอร์ไพรส์ โคราช จำกัด และบริษัท โอชิเน ยากินิกุ แอนด์ ซาชิมิ จ กัด และ3) ลงทุนในธุรกิจจัดจำหน่ายวัตถุดิบให้แก่ร้านอาหารญี่ปุ่นในเครือ Oshinei

บริษัทเห็นว่าการเข้าลงทุนใน Oshinei ในครั้งนี้ จะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อบริษัทฯ และผู้ถือหุ้นของบริษัทฯในระยะยาว โดยมีสาเหตุดังต่อไปนี้

1) บริษัทมีโอกาสได้ขยายการลงทุนไปยังธุรกิจใหม่ที่มีศักยภาพ โดยอุตสาหกรรมอาหาร (Food & Restaurant Sector) เป็นธุรกิจที่มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นภายหลังจากผ่านพ้นสถานการณ์ COVID-19 คาดการณ์ว่าการเติบโตของอุตสาหกรรมอาหารของประเทศไทยอยู่ที่ 7.75% นอกจากนี้ เมื่อวิเคราะห์อุตสาหกรรมอาหารแต่ละประเภท คาดการณ์ว่าร้านอาหารในรูปแบบ Full Service เติบโต 10.04% (แหล่งที่มาข้ออมูลจาก Euromonitor)

2) ลดการพึ่งพิงธุรกิจเอทานอลที่เป็นธุรกิจหลัก อุตสาหกรรมอาหารเป็นธุรกิจที่มีแนวโน้มการเติบโตที่ดีจะช่วยกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจ และการพึ่งพิงผลการดำเนินงานจากธุรกิจหลักของงบริษัทฯ ซึ่งจะส่งผลต่อการเติบโตของรายได้และผลประกอบการของบริษัทฯ ทั้งในระยะสั้นและในระยะยาว ตลอดจนจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อบริษัทฯ และผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ

3) บริษัทสามารถเพิ่มช่องทางในการกระจายสินค้าต่อผู้บริโภคได้เพิ่มขึ้น (End customer) ผ่านการร่วมมือกับธุรกิจร้านอาหารในเครือของบริษัทฯ และสร้างการรับรู้ถึงผลิตภัณฑ์(Product awareness) ให้แก่สินค้าของบริษัทได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ บริษัทยังสามารถเก็บข้อมูลความต้องการของผู้บริโภคได้มากขึ้น เพื่อนำมาศึกษา พัฒนา และต่อยอดสินค้าของบริษัทฯ ต่อไป

4) บริษัทจะมีผู้บริหารและทีมงานจาก Oshinei ที่มีความรู้ ความสามารถ และมีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมอาหารเข้ามาช่วยบริหารจัดการต่อ ซึ่งจะช่วยให้การดำเนินธุรกิจร้านอาหารของบริษัทสามารถดำเนินการได้อย่างต่อเนื่อง และต่อยอดธุรกิจดังกล่าวต่อไปในอนาคต


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ