บมจ.โปรเอ็น คอร์ป (PROEN) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติการเข้าร่วมทุนใน บริษัท ซีซอร์ ดาต้า เซ็นเตอร์ แอนด์ คลาวด์ เซอร์วิสเซส จำกัด ด้วยการเข้าซื้อหุ้น 52.8 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 5 บาท ในราคาหุ้นละ 5 บาท รวมเป็นเงินลงทุนไม่เกิน 264 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 30% ของทุนจดทะเบียน หลังจาก ซีชอร์ฯ เพิ่มทุนจดทะเบียนแล้วเสร็จจำนวน 176 ล้านหุ้น
ทั้งนี้ บริษัทจะทำธุรกรรมจำหน่ายทรัพย์สินโครงการศูนย์บริการข้อมูล (Data Center) ภายใต้ชื่อโครงการ OTT DC ให้แก่ ซีชอร์ฯ มูลค่ารวมไม่เกิน 802,835,731 บาท ไม่รวมภาษีมูค่าเพิ่ม โดยจำแนกเป็น (1) อุปกรณ Data Center มูลค่า 433,835,731 บาท และ (2) ที่ดินและอาคารที่ตั้ง Data Center มูลค่า 369,000,000 บาท เสร็จสิ้นสมบูรณ์ ซึ่งรวมถึงการที่เงื่อนไขบังคับก่อนทั้งหมดที่ระบุไว้ภายใต้สัญญาขายทรัพย์สินและสัญญาซื้อขายหุ้น และสัญญาต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมเป็นผลสำเร็จ หรือได้รับการผ่อนผันจากคู่สัญญาที่เกี่ยวข้อง โดยจะนำเงินจากการขายสินทรัพย์มาซื้อหุ้นจากแมกม่า โฮลดิ้ง คอมพะนี ลิมเต็ด คาดว่าจะทำรายการเสร็จสมบูรณ์ภายในปี 67
บริษัทฯ มีแผนจะนำเงินที่ได้รับไปชำระเงินกู้ที่มีภาระดอกเบี้ย ทำให้บริษัทฯ สามารถลดภาระค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยในอนาคต แล เป็นการจำหน่ายสินทรัพยซึ่งจะก่อให้เกิดผลประโยชน์ร่วมกัน (Synergy) เพราะบริษัทจะเข้าไปร่วมลงทุนและบริหารโครงการดังกล่าวร่วมกับซีชอร์ฯ
ประโยชนจากการร่วมทุนจะช่วยให้บริษัทเข้าถึงลูกค้าในต่างประเทศและขยายตลาดไปยังพื้นที่ที่มีความต้องการบริการ Data Center สูง โดยเฉพาะในภูมิภาคที่ยังมีการเติบโตของ Cloud Computing และบริการออนไลน์ และสามารถเพิ่มรายได้จากการให้บริการ Data Center และโอกาสในการขยายธุรกิจเพิ่มเติมในอนาคต เช่น Network Service, Internet Service, Cloud Native Service และ Security Service
นอกจากนั้น นายกิตติพันธ์ ศรีบัวเอี่ยม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PROEN ยังเปิดเผยว่า บริษัท จัมป์บ็อกซ์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ดำเนินธุรกิจการฝึกอบรม การเรียนการสอนด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ได้ประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญลงนามบันทึกความร่วมมือ (MOU) กับ บริษัท ออพซ์ตา (ประเทศไทย) จำกัด (Opsta) ผู้ให้บริการให้คำปรึกษาและนำเสนอโซลูชั่นทางด้านการทำ DevSecOps Transformation อย่างครบวงจรเป็นเจ้าแรกในประเทศไทย เพื่อช่วยกันยกระดับเทคโนโลยีวิศวกรรมแพลตฟอร์มดิจิทัลในประเทศไทย
ทั้ง 2 บริษัทจะร่วมมือกันในการแบ่งปันประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญ ด้านการออกแบบและพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีแบบครบวงจร( Platform Engineering)ด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์โดยคำนึงถึงความปลอดภัย (DevSecOps) และด้านเทคโนโลยีโอเพนซอร์ส ที่จะช่วยในเรื่อง Automating Deployment บริหารจัดการทรัพยากรได้อย่างอัตโนมัติ เพื่อช่วยกันพัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับ DevSecOps ให้ก้าวล้ำยิ่งขึ้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปรับปรุงแพลตฟอร์ม Opstella และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รวมทั้งการสำรวจโอกาสทางธุรกิจ มุ่งเน้นการสร้างสรรค์โซลูชั่นที่ตอบโจทย์ธุรกิจในหลากหลายอุตสาหกรรม ช่วยขับเคลื่อนการเติบโตทางธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ และร่วมกันพัฒนาและจัดทำหลักสูตรการฝึกอบรมด้านการบูรณาการการพัฒนา ความปลอดภัย และการปฏิบัติการ ภายใต้ Jumpbox Academy
ความร่วมมือครั้งนี้ มีเป้าหมายในการพัฒนาวิชาชีพของบุคลากรในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในหลายด้าน สำหรับองค์กรที่ต้องการยกระดับศักยภาพธุรกิจด้วยเทคโนโลยี ในการขับเคลื่อนการเติบโตทางธุรกิจอย่างมั่นคงและยั่งยืน
"ความร่วมมือระหว่าง Jumpbox และ Opsta นี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับเทคโนโลยีวิศวกรรมแพลตฟอร์มดิจิทัลในประเทศไทย ซึ่งจะส่งผลดีต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศของประเทศในระยะยาว" นายกิตติพันธ์ กล่าว