บมจ.บูทิค คอร์ปอเรชั่น (BC) แจ้งว่า เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2567 บริษัท บูทิค อินเตอร์เนชั่นเนล โฮลดิ้งส์ แอลทีดี (BIH) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ BC ถือหุ้น 100% ได้ขายหุ้นสามัญประเภท A และ B ในบริษัท บูทิค ออฟชอร์ โฮลดิ้งส์ ลิมิเต็ด (BOH) (บริษัทย่อยทางอ้อมที่ BC ถือหุ้นผ่าน BIH ในสัดส่วน 63% ร่วมกับผู้ถือหุ้นรายอื่น 4 ราย 37%) ซึ่งประกอบธุรกิจถือหุ้นในบริษัทอื่นเพื่อประกอบกิจการโรงแรม ไอบิส เชียงใหม่ นิมมาน เจอร์นี่ย์ฮับ ที่มีมูลค่าโครงการประมาณ 420 ล้านบาท ให้แก่บริษัท เจเอส เอ็นเนอร์จี โฮลดิ้งส์ ลิมิเต็ด (JS Energy Holdings Limited) ตามสัญญาซื้อขายหุ้นดังกล่าว BIH ได้ขายหุ้นที่ถืออยู่ใน BOH จำนวน 50,123,765 หุ้น หรือคิดเป็น 37% ของหุ้นที่ออกและจำหน่ายแล้วทั้งหมดของ BOH ประกอบด้วย 1) หุ้นสามัญประเภท A จำนวน 27,508,655 หุ้น คิดเป็น 20.31% และ 2) หุ้นสามัญประเภท B จำนวน 22,615,110 หุ้น คิดเป็น 16.69%
ภายหลังเสร็จสิ้นธุรกรรมดังกล่าว BIH จะยังคงถือหุ้นสามัญทั้งสองประเภทใน BOH จำนวน 35,222,335 หุ้น คิดเป็น 26.00% จึงทำให้ BOH สิ้นสภาพการเป็นบริษัทย่อยของ BC และมีสถานะเป็นบริษัทร่วมของบริษัทฯ นอกจากนี้ ผู้ถือหุ้นรายอื่นของ BOH ได้แสดงความจำนงที่จะขายหุ้นรวมสูงสุด 50,123,900 หุ้น คิดเป็น 37% ให้แก่ผู้ซื้อด้วย ซึ่งจะส่งผลให้ผู้ซื้อเข้าถือหุ้นใน BOH รวมทั้งสิ้นสูงสุด 100,247,665 หุ้น คิดเป็น 74%ของหุ้นที่ออกและจำหน่ายแล้วทั้งหมดของ BOH
นายปรับ ทักราล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BC กล่าวว่า โรงแรมไอบิส เชียงใหม่ นิมมาน เจอร์นีย์ฮับ เป็นโรงแรมยอดนิยมในจังหวัดเชียงใหม่ ตกลงขายหุ้น 74% (รวมผู้ลงทุนร่วม) ด้วยราคามูลค่าหุ้นที่ 149.5 ล้านบาท โดย BC ขายเงินลงทุนของตัวเอง 37% จะได้ค่าตอบแทนจากการจำหน่ายหุ้นดังกล่าวรวมทั้งสิ้นประมาณ 75 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้กำไรจากการขายเงินลงทุนเข้ามาที่ BC ในไตรมาส 3/67 นี้ทันที ซึ่งภายหลังจากการขายออกเงินลงทุนตามโมเดลธุรกิจหลัก BOS แล้ว BC จะเหลือถือหุ้นในสัดส่วนหุ้นอยู่ที่ 26% โดยโครงการดังกล่าวมีมูลค่ารวมอยู่ที่ 420 ล้านบาท
ด้วยศักยภาพของโรงแรมไอบิส เชียงใหม่ นิมมาน เจอร์นีย์ฮับ ภายใต้การออกแบบสไตล์ร่วมสมัย (Contemporary) ผสมผสานกันจนเกิดเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ด้วยจำนวนห้องพัก 143 ห้อง ตั้งอยู่ใกล้กับย่านนิมมานเหมินทร์ แหล่งไลฟ์สไตล์สุดฮิปของเมืองเชียงใหม่ ถนนเส้นหลักจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวที่รักการช้อปปิ้ง และดื่มด่ำบรรยากาศในย่านเมืองเก่าที่แฝงไปด้วยเสน่ห์ที่นักท่องเที่ยวทั้งไทยและเทศต่างหลงใหล ซึ่งสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนในการเข้ามาลงทุน สร้างกระแสเงินสดที่ดี
อย่างไรก็ดี จากความสำเร็จการปิดดีลโครงการนี้ นับเป็นโครงการที่ 2 ของปี 2567 ซึ่งจะมีการบุ๊คกำไรเข้ามาสนับสนุนให้แนวโน้มไตรมาส 3 BC มั่นใจจะเป็นอีกไตรมาสที่สามารถเทิร์นอะราวด์ได้อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งในช่วงปลายปี ธุรกิจกลุ่ม Hospitality เข้าสู่ไฮซีซั่นในการเติบโต คาดจะสนับสนุนให้ปิดผลงานพลิกทำกำไรได้อย่างแข็งแกร่ง