บมจ.ช ทวี (CHO) เปิดเผยว่า ตามที่บริษัทได้แจ้งแผนการลงทุนธุรกิจรถบัสไฟฟ้าด้วการนำเข้าชิ้นส่วนจากจีนเข้ามาประกอบแบบ Semi-Knocked Down Kit (SKD) เพื่อจำหน่ายในประเทศไทย โดยใช้เงินลงทุนจากการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (RO) นั้น บริษัทได้เซ็นสัญญากรอบการทำงานร่วมกันหรือ Framework Agreement กับบริษัท ANHUI ANKAI AUTOMOBILE CO., LTD (ANKAI) และ บริษัท AVIC-INTL Project Engineer Company (AVIC-INTL) เมื่อวันที่ 27 มิ.ย.66
และต่อมาคู่สัญญาทั้งสองได้เสนอร่างสัญญาใหม่หรือ Master Agreement มีการเปลี่ยนแปลงที่มีนัยสำคัญ โดยเฉพาะราคาขายที่เพิ่มขึ้น และเงื่อนไขการชำระเงิน ทำให้บริษัทไม่สามารถเข้าทำสัญญาใหม่กับ ANKAI และ AVIC-INTL ได้ เพราะต้องคำนึงถึงราคาขายรถบัส ไฟฟ้าของคู่แข่งจากจีนที่จะมาแข่งขันในประเทศไทยที่มีการปรับราคาลดลง และการที่ ANKAI และ AVIC-INTL ขอปรับเปลี่ยนสัญญาเพื่อเพิ่มราคาขายจากเดิมประมาณร้อยละ 12-20 นั้น ทำให้บริษัทไม่สามารถแข่งขันกับคู่แข่งในประเทศไทยได้ จึงเป็นเหตุให้บริษัทตัดสินใจไม่เซ็นสัญญาใหม่กับทาง ANKAI และ AVIC-INTL เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของบริษัทและผู้ถือหุ้น
บริษัทจึงต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ในการแข่งขันเป็นผู้ให้บริการ ประกอบรถบัสไฟฟ้า หรือ รถบรรทุกไฟฟ้าขนาดใหญ่ Semi-Knocked Down Kit (SKD) รวมถึงการดัดแปลงรถยนต์น้ำมันเป็นรถยนต์ไฟฟ้า พร้อมทั้งการดูแลบริการหลังการขาย ซึ่งเป็นจุดแข็งในการแข่งขันของบริษัทฯ ในปัจจุบัน เพื่อทำให้บริษัทสามารถปรับตัวและมีผลดำเนินการได้ด้วยกำไรที่มากขึ้น จากการลดค่าใช้จ่ายการทำการตลาด และการสั่งซื้อรถเป็นสินค้าคงคลัง อีกทั้งยังสามารถใช้ช่างที่มีความรู้ความชำนาญด้านการซ่อมตัวถังรถยนต์ การดัดแปลงตัวถังรถยนต์ และการซ่อมบำรุง ของบริษัทฯ ได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป โดยเป็นตลาดที่มีคู่แข่งน้อยรายในประเทศไทย
วัตถุประสงค์การใช้เงินเพิ่มทุนที่ผ่านมาในต้นปี 67 นี้ ได้รวมถึงการชำระค่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้างจาก บริษัท ขอนแก่น ช.ทวี (1993) จำกัด เพื่อนำมาใช้สร้างโรงงานประกอบรถบัสไฟฟ้า มูลค่า 415.36 ล้านบาท ได้จ่ายไปแล้ว 166.01 ล้านบาท หรือคิดเป็น 37% ของมูลค่าทั้งหมด ซึ่งเงื่อนไขรับโอนกรรมสิทธิ์ภายหลังชำระ 25% และเงื่อนไขในการเจรจากับ KCHO เพื่อขอหนังสือยินยอมในการโอนขายที่ดินระหว่างจำนองต่อไป บริษัทจะสามารถใช้ประโยชน์จากที่ดินนี้ได้ตามแผนกลยุทธ์ใหม่ได้
นอกจากนี้ ทรัพย์สินที่ได้มานั้นตั้งอยู่ใจกลางเมืองขอนแก่น ติดถนนหลัก ซึ่งบริษัทฯ ประเมินว่าราคาที่ดินมีแนวโน้มสูงขึ้นในอนาคต ทั้งจากการใช้ประโยชน์ต่อในการเป็นโรงงานจัดเตรียมชิ้นส่วนรถบัสไฟฟ้าต่อไป กรณีที่ธุรกิจเป็นไปได้ด้วยดี หรืออาจพิจารณาทางเลือกอื่นที่เป็นประโยชน์ต่อบริษัทมากกว่า เนื่องด้วยที่ดินดังกล่าวมีพื้นที่เชื่อมต่อกับพื้นที่พัฒนาเป็นศูนย์จอดและซ่อมบำรุง (Depot) ของโครงการรถไฟฟ้ารางเบาขอนแก่น (Light Rail Transit หรือ LRT) บริษัทฯ อาจพิจารณาจำหน่ายหรือให้เช่าที่ดินดังกล่าวแก่โครงการรถไฟฟ้ารางเบาขอนแก่น หากได้ผลตอบแทนที่ดีกว่า ซึ่งจะนำเรื่องเข้าเสนอที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เพื่อพิจารณาและดำเนินการตามเกณฑ์การได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์หรือหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องต่อไป