EA ปี 67 พลิกขาดุน 4.6 พันลบ.หลังตั้งสำรอง 9.5 พันลบ. ปี 68 เริ่มเห็นแสงสว่างทุกธุรกิจลุยเดินเครื่อง

ข่าวหุ้น-การเงิน Saturday March 1, 2025 15:15 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ [EA] เผยผลประกอบการปี 67 ว่า มีผลขาดทุนสุทธิส่วนของบริษัทใหญ่จำนวน 4,630.01 ล้านบาท จากปี 66 มีกำไรสุทธิส่วนของบริษัทใหญ่ 7,606.17 ล้านบาท จากการที่กลุ่มบริษัทฯ ได้ตั้งสำรองทางบัญชี จำนวนรวม 9,544.20 ล้านบาท (ส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ จำนวน 6,857.97 ล้ำนบำท) ซึ่งประกอบไปด้วยรายการต่าง ๆ ดังนี้
  • สำรองค่าเผื่อการปรับลดมูลค่าของสินค้าคงเหลือประเภทแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนจำนวน 3,158 ล้านบาท รถโดยสารไฟฟ้าและรถเพื่อการพาณิชย์จำนวน 333 ล้านบาท และสินค้าอื่น 10 ล้านบาท
  • สำรองผลขาดทุนที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากลูกหนี้การค้าบมจ. เน็กซ์พอยท์ [NEX] จำนวน 1,315 ล้านบาท สาเหตุจากรถโดยสารไฟฟ้าและรถเพื่อการพาณิชย์ที่จำหน่ายออกไปให้บริษัทดังกล่าวยังไม่ได้ถูกจำหน่ายไปให้แก่ลูกค้าภายนอก รวมทั้งสำรองผลขาดทุนจากลูกหนี้การค้ากลุ่มบริษัท ไทยสมายบัส จำกัด จำนวน 839 ล้านบาท และลูกหนี้อื่นจำนวน 54 ล้านบาท
  • รับรู้ผลขาดทุนจากการตัดจำหน่ายขาดทุนจากการตัดจำหน่ายเครื่องจักรและอุปกรณ์และสินทรัพย์ไม่มีตัวตน จำนวน 482 ล้านบาท
  • สำรองผลขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์ประเภทอาคารและอุปกรณ์จำนวน 1,173 ล้านบาท ค่าความนิยมจำนวน920 ล้านบาท สินทรัพย์สิทธิการใช้จำนวน 590ล้านบาท สินทรัพย์ไม่มีตัวตนจำนวน 498 ล้านบาท และเครื่องหมายการค้าจำนวน 172 ล้านบาท ซึ่งการสำรองผลขาดทุนดังกล่าวกลุ่มบริษัทฯ ได้มีการพิจารณาถึงข้อบ่งชี้ของสินทรัพย์แต่ละประเภทเปรียบเทียบกับมูลค่าจากผู้ประเมินอิสระภายนอก

ส่วนกำไรสุทธิส่วนของบริษัทใหญ่ (ไม่รวมรายการพิเศษ) ปี 67 อยู่ที่ 2,227.96 ล้านบาท ลดลงจากปี 66 จำนวน 4,916.58 ล้านบาท โดยหลักลดลงจากผลการดำเนินงานของธุรกิจรถโดยสารไฟฟ้าและรถเพื่อการพาณิชย์ เนื่องจากส่งมอบรถน้อยลงจำนวน 1,420 ล้านบาท ลดลงจากผลการดำเนินงานของธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในจังหวัดนครสวรรค์ เนื่องจากการหมดระยะเวลาการรับเงินอุดหนุนจากรัฐบาล (adder) จำนวน 1,284 ล้านบาท ลดลงจากผลกระทบการปรับลดค่า FT ของทางภาครัฐจำนวน 597 ล้านบาท ลดลงจากการรับรู้ส่วนแบ่งผลขาดทุนจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและร่วมค้าจำนวน 1,184 ล้านบาท ลดลงจากผลการดำเนินงานของธุรกิจแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนจำนวน 712 ล้านบาท

ปี 2567 บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีรายได้จำนวน 10,630.33 ล้านบาท ลดลงจาก ปี 2566 จำนวน 2,098.48 ล้านบาทเนื่องจากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในจังหวัดนครสวรรค์ได้หมดระยะเวลาการรับเงินอุดหนุนจากรัฐบาล (adder) ในวันที่ 23 ธันวาคม 2566 คิดเป็นรายได้จำนวน 1,284 ล้านบาท รวมถึงผลกระทบจากการปรับลดค่า FT ของทางภาครัฐ คิดเป็นรายได้ลดลงจำนวน 597 ล้านบาท (ปี 2567 FT 0.3133 บาท/หน่วย, ปี 2566 FT 0.7229 บาท/หน่วย)

*ปี 69 เตรียม COD โรงไฟฟ้าลม 90 MW พร้อมเดินหน้าลงทุน

EA มีการปรับโครงสร้างโดยจะมุ่งเน้นไปที่ธุรกิจที่สร้างผลกำไรสูง มุ่งมั่นในการพัฒนาและขยายธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนอย่างต่อเนื่อง โดยในไตรมาสที่ผ่านมา บริษัทฯ ประสบความสำเร็จในการชนะการประมูลโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม ขนาด 90 เมกะวัตต์ (MW) ผ่านบริษัท วินด์ ขอนแก่น 2 จำกัด ซึ่งเดิมมีกำหนดการเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ภายในปี 2571 อย่างไรก็ตาม จากมติของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ในการประชุมเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2567 ซึ่งให้ชะลอการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเพิ่มเติมสำหรับกลุ่มที่ไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิงและขยะอุตสาหกรรม ภายใต้รูปแบบ FiT ตามแผนการเพิ่มการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดประจำปี 2565 - 2573 ส่งผลให้กำหนดการดำเนินงานเชิงพาณิชย์ (COD) ของโครงการดังกล่าวอาจมีการเปลี่ยนแปลง

นอกจากนี้ ในปี2566 บริษัทฯ ได้ชนะการประมูลโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมขนาด 90 เมกะวัตต์ (MW) อีกหนึ่งโครงการผ่านบริษัท วินด์ มหาสารคาม 1 จำกัด โดยโครงการดังกล่าวมีกำหนดการเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ภายในปี 2569

ความสำเร็จในการชนะการประมูลทั้งสองโครงการนี้ ตอกย้ำถึงความเชี่ยวชาญของบริษัทฯ ในธุรกิจพลังงานสะอาด และช่วย เสริมสร้างฐานกำลังการผลิตพลังงานหมุนเวียนให้เติบโตอย่างยั่งยืน

กลุ่มบริษัทฯ จะเดินหน้าลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนทั้งในและต่างประเทศ พร้อมนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ มาปรับใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง บริษัทฯ มั่นใจว่าการขยายธุรกิจนี้จะเสริมความมั่นคงทางรายได้และสนับสนุนโครงสร้างพลังงานสะอาดของประเทศ

*จ่อเซ็น MOU ร่วมทุนผลิตแบตฯกับค่ายจีน Q1/68

ส่วนธุรกิจผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนและระบบกักเก็บพลังงาน ภายใต้การบริหารผ่านบริษัท อมิตา เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด (Amita-TH) ซึ่งมีโรงงานแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนแห่งแรกในอาเซียนที่มีกำลังการผลิตสูงถึง 2 กิกะวัตต์ชั่วโมงต่อปี(GWh) ของบริษัท อมิตา เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด หรือ Amita-TH ปัจจุบัน Amita-TH ดำเนินการผลิตแบตเตอรี่เชิงพาณิชย์ ลิเทียมไอออนป้อนให้แก่ยานยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตโดยกลุ่มบริษัทฯ และรวมถึงได้เริ่มมีการขายให้กับลูกค้าภายนอกด้วย

ในไตรมาสที่ผ่านมา Amita-TH ได้อยู่ระหว่างการเจรจาในการลงนามบันทึกข้อตกลงเพื่อจัดตั้งการร่วมทุนกับหนึ่งในผู้ผลิตแบตเตอรี่ชั้นนำของจีน ซึ่งมีฐานลูกค้าสำคัญในสหรัฐอเมริกาและยุโรป การร่วมทุนครั้งนี้มุ่งเน้นการผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนและจะเป็นโรงงานที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยแบตเตอรี่เหล่านี้ส่วนใหญ่จะใช้ในระบบกักเก็บพลังงาน (Energy Storage System) เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดททั้งในและต่างประเทศ

การผลิตจะตั้งอยู่ที่โรงงานของ EA ในจังหวัดฉะเชิงเทรา บนพื้นที่ขนาด 80,000 ตารางเมตร (91 ไร่) และมีแผนขยายกำลังการผลิตจาก 2 กิกะวัตต์ชั่วโมงต่อปี(GWh) เป็น 4 กิกะวัตต์ชั่วโมงต่อปี (GWh) ในอนาคต คาดว่าการลงนามข้อตกลงอย่างเป็นทางการจะเกิดขึ้นในไตรมาสที่ 1 ปี 2568 และจะเริ่มกระบวนการเตรียมสถานที่และเครื่องจักรภายในปีเดียวกัน

ความร่วมมือครั้งนี้ช่วยตอกย้ำศักยภาพของ Amita-TH ในการผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนหลากหลายประเภท ทั้ง NMC และ LFP เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า พร้อมขยายฐานลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ

*ร่วมทุน Chengli เริ่มผลิตรถไฟฟ้าแบบพิเศษ เม.ย.นี้

สำหรับธุรกิจผลิตรถโดยสารไฟฟ้าและรถเพื่อการพาณิชย์ ผ่าน บริษัท แอ๊บโซลูท แอสเซมบลี จำกัด (AAB) แม้ว่าในไตรมาสที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้มีการปรับโครงสร้างธุรกิจในภาพรวม โดยชะลอการดำเนินงานในธุรกิจที่ยังไม่สามารถสร้างรายได้ไม่มาก ได้แก่ ธุรกิจการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์และธุรกิจการผลิตแบตเตอรี่ ทั้งนี้ บริษัทฯ อยู่ระหว่างการแสวงหาพันธมิตรระดับนานาชาติที่มีศักยภาพสูงในแต่ละธุรกิจ เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันในระดับโลกและขยายตลาดไปสู่ต่างประเทศ

ปัจจุบัน AAB มีกำลังการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์สูงสุดถึง 9,000 คันต่อปี และสามารถรองรับการผลิตยานยนต์ได้หลายประเภท เช่น รถโดยสาร รถบรรทุก และรถสำหรับอุตสาหกรรมเฉพาะทาง นอกจากนี้ โรงงานของ AAB ยังได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ซึ่งช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันและดึงดูดพันธมิตรระดับนานาชาติ

ในเดือนธันวาคม 2567 บริษัทฯ ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงที่จะจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับ Chengli Special Automobile Co.,Ltd. หนึ่งในผู้ผลิตยานยนต์ประเภทพิเศษรายใหญ่ที่สุดของประเทศจีน ซึ่งมีประสบการณ์ในการผลิตและส่งออกรถยนต์ประเภทพิเศษมากกว่า 30,000 คัน ไปยังกว่า 30 ประเทศทั่วโลก ภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว ยานยนต์ไฟฟ้าประเภทพิเศษจะถูกประกอบในโรงงานของ EA ซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดฉะเชิงเทรา บนพื้นที่ขนาด 65,000 ตารางเมตร (80 ไร่) โดยมีกำลังการผลิตสูงสุดระหว่าง 3,000 ? 9,000 คันต่อปี ขึ้นอยู่กับระดับความซับซ้อนของยานยนต์ที่ผลิต คาดว่าจะเริ่มการผลิตในเดือนเมษายน 2568 โดยยานยนต์ที่อยู่ในแผนการผลิต ได้แก่ รถพยาบาล รถขยะ และรถกระเช้า ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่ยานยนต์ไฟฟ้าประเภทพิเศษเหล่านี้จะได้รับการประกอบในประเทศไทยในระดับอุตสาหกรรม

*คาดเริ่มผลิตน้ำมัน SAF ใน Q3/68

กลุ่มบริษัทฯ ยังคงเดินหน้าธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยใช้นวัตกรรมจากคนไทยเพื่อเสริมศักยภาพการแข่งขันของประเทศ พร้อมทั้งลงทุนต่อยอดในธุรกิจน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel หรือ SAF) ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงชีวภาพที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก สนับสนุนให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมาย Carbon Neutral ตามคำมั่นใน COP26 ว่าด้วยการแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้พัฒนากระบวนการผลิต Isomerization ซึ่งนอกจากจะเพิ่มคุณสมบัติให้ Green Diesel สามารถใช้งานในอุณหภูมิติดลบแล้ว ยังสามารถต่อยอดสู่การผลิตน้ำมันอากาศยานแบบยั่งยืน (SAF) ที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในอุตสาหกรรมการบิน โดยคาดว่าโรงงานจะสามารถเริ่มกระบวนการผลิต SAF ในปริมาณ 100,000 ลิตร/วัน ช่วงไตรมาสที่ 3/2568

*ลุยขยายโครงการโรงไฟฟ้าขยะต่อเนื่อง

ส่วนธุรกิจกำจัดขยะและโรงไฟฟ้าขยะ ปัจจุบัน การจัดการขยะอย่างยั่งยืนและการป้องกันมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมเป็นสิ่งสำคัญ อีกทั้งพลังงานจากขยะยังเป็นหนึ่งในแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือกที่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ กลุ่มบริษัทฯ มองเห็นโอกาสในธุรกิจนี้จึงได้ดำเนินโครงการกำจัดขยะมูลฝอยชุมชนที่เกาะล้าน เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี รวมถึงโครงการกำจัดขยะด้วยระบบเตาเผาแบบตะกรับ รวมถึงการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากขยะ ขนาด 8 MW โดยร่วมมือกับเทศบาลนครภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต โครงการทั้งสองนี้เป็นโครงการต้นแบบที่สนับสนุนการพัฒนาเมืองท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน

นอกจากนี้ กลุ่มบริษัทฯ ยังได้ดำเนินโครงการลักษณะเดียวกันกับเทศบาลเมืองปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี โดยจัดตั้งโครงการกำจัดมูลฝอยด้วยระบบเตาเผาแบบตะกรับ เพื่อผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากขยะ ขนาด 8 MW รวมถึงสร้างโอกาสในการขยายโครงการลักษณะนี้ ไปยังพื้นที่อื่นในอนาคต

กลุ่มบริษัทฯ ประเมินว่าธุรกิจการกำจัดขยะและโรงไฟฟ้าจากขยะมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากการสนับสนุนจากภาครัฐที่ให้ความสำคัญกับการกำจัดขยะอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ การเข้าสู่ธุรกิจนี้ยังเปิดโอกาสให้บริษัทฯ ใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น รถบรรทุกขยะไฟฟ้า และสร้างโอกาสธุรกิจใหม่ ๆ ในอนาคต


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ