นายพสุ ลิปตพัลลภ กรรมการบริหาร บมจ.พราว เรียล เอสเตท [PROUD] เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติให้นำเสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2568 เพื่อพิจารณาอนุมัติออกและจัดสรรใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท ครั้งที่ 3 (PROUD-W3) จำนวนไม่เกิน 243.5 ล้านหน่วย ให้กับผู้ถือหุ้นเดิมแบบไม่คิดมูลค่า อัตราส่วน 4 หุ้นเดิมต่อ 1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิ อายุ 3 ปี โดย 1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิมีสิทธิซื้อหุ้นสามัญได้ 1 หุ้น ราคาใช้สิทธิที่ 2.00 บาทต่อหุ้น โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับจัดสรรใบสำคัญแสดงสิทธิ (Record Date) วันที่ 2 พฤษภาคม 2568
พร้อมกันนี้ ได้มีมติอนุมัติการลดทุนจดทะเบียนของบริษัทจำนวน 23,826,719 บาท จากเดิม 997,840,729 บาท เป็น 974,014,010 บาท โดยการตัดหุ้นสามัญที่ยังไม่ได้จำหน่ายออก 23,826,719 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท จากนั้นให้เพิ่มทุนจดทะเบียน 243,503,502 บาท เป็น 1,217,517,512 บาท ด้วยการออกหุ้นเพิ่มทุน 243,503,502 หุ้น เพื่อรองรับการใช้สิทธิตาม PROUD-W3
ทั้งนี้ การได้รับอนุมัติจาก ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางการเงินเพื่อรองรับการลงทุนในโครงการต่าง ๆ ของบริษัทในอนาคตและช่วยเพิ่มเงินทุนหมุนเวียนเสริมสภาพคล่องให้แก่บริษัท รวมถึงเพิ่มศักยภาพและเสริมสร้างความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งจะสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นในระยะยาว
บริษัทฯ พร้อมเดินหน้าพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับลักชัวรีในทำเลศักยภาพที่หาได้ยาก ด้วยเงินระดมทุนจากการใช้สิทธิวอแรนต์ ภายใต้แนวคิด "ALL IS WELL เพื่อชีวิตดีที่ยั่งยืน" ที่มุ่งยกระดับมาตรฐานอสังหาริมทรัพย์ไทยสู่ระดับ World-Class ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ทุกเจเนอเรชัน พร้อมขับเคลื่อนการพัฒนาความยั่งยืนอย่างรอบด้าน
"เชื่อมั่นว่าราคาใช้สิทธิในการแปลงวอร์แรนต์ที่ 2.00 บาท/หุ้น เป็นราคาที่เหมาะสม ด้วยพื้นฐานธุรกิจที่แข็งแกร่งและศักยภาพการเติบโตสูงในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า จะเป็นปีที่บริษัทสร้างการการเติบโตก้าวกระโดดอย่างมาก ปัจจุบันบริษัทยอดขายรอโอน (Backlog) ณ 31 ธันวาคม 2567 มูลค่ารวมประมาณ 10,935 ล้านบาท ที่จะทยอยรับรู้รายได้ในปี 2568-2569
บริษัทวางเป้าหมายรายได้ปี 2568 ไว้ที่ 9,000 ล้านบาท พร้อมแผนเปิดตัวโครงการใหม่ระดับลักชัวรี 3 โครงการ มูลค่ารวม 9,200 ล้านบาท ใน 3 ทำเลศักยภาพ ได้แก่ กรุงเทพฯ หัวหิน และภูเก็ต เพื่อสร้างการเติบโตต่อเนื่อง จากแผนพัฒนาธุรกิจที่ชัดเจน กลยุทธ์การขยายโครงการและสร้างแบรนด์ระดับโลก จะช่วยเพิ่มรายได้และกำไรอย่างเหมาะสม สร้างการเติบโตอย่างมั่นคงในอนาคต" นายพสุกล่าว