PSL เผยปี 53-56 ทำสัญญาระยะยาวเฉลี่ย 38.33%,มีแผนซื้อเรือมือสอง 24 ลำ

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday February 4, 2010 09:07 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.พรีเซียส ชิปปิ้ง (PSL) เปิดเผยว่า บริษัทได้ทำสัญญาเช่าเรือระยะยาวล่วงหน้าสี่ปีเฉลี่ย (ปี 53 -56) คิดเป็นร้อยละ 38.33 ของความสามารถในการขนส่ง ซึ่งจะสร้างรายได้ให้บริษัทฯจำนวน 248 ล้านเหรียญสหรัฐ กล่าวคือเมื่อตลาดค่าระวางเรือได้ปรับตัวเป็นขาขึ้น ดังที่ดัชนี BDI ได้ทำไว้จนถึงสิ้นเดือนพ.ค.51 บริษัทฯได้ทำการผูกมัดอัตราค่าระวางด้วยการทำสัญญา Long Term Charters ในอัตราค่าระวางที่ดีเพื่อหลีกเลี่ยงความผันผวนของค่าระวางเรือรายวัน ซึ่งนโยบายดังกล่าวได้ถูกนำมาใช้และประสบความสำเร็จในช่วงเวลาสองสามปีที่ผ่านมา ทำให้บริษัทฯหลีกเลี่ยงความผันผวนของตลาดรายวันในช่วงเวลานั้น

ปัจจุบันดัชนี BDI ได้ปรับตัวลดลงเกือบต่ำสุด และต่อมาได้ปรับตัวขึ้น ตลาดปัจจุบันสร้างความสับสนที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ดังนั้นจึงเป็นการดีที่จะรอดูสถานะการณ์ความผันผวนนี้ ก่อนที่นำนโยบายดังกล่าวข้างต้นมาใช้ในอนาคต เมื่อดัชนี BDI เริ่มที่จะปรับตัวเป็นขาขึ้นอย่างชัดเจน จนถึงเวลานั้นอาจคาดเดาได้ว่าสัญญาเช่าเรือระยะยาวล่วงหน้าเฉลี่ยสี่ปีที่แข็งแกร่งนั้นจะปรับตัวลงลงอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ ในปี 53 บริษัทได้ทำสัญญาให้บริการไปแล้ว 62.87% โดยมีอัตราค่าระวางเรือ 11,829 เหรียญ/ลำ/วัน ต่ำกว่าปี 52 ที่มีทำสัญญา 82.25% โดยมีอัตราค่าระวางเรือ 14,397 เหรียญ/ลำ/วัน

อย่างไรก็ตาม ในปี 54-56 บริษัทได้อัตราค่าระวางเรือสูงขึ้นขณะที่สัดส่วนทำสัญญาน้อยกว่า โดยในปี 54 อัตราค่าระวางเรืออยู่ที่15,021 เหรียญ/ลำ/วัน ซึ่งทำสัญญา 34.47% ,ในปี 55 ได้อัตราค่าระวางเรือที่ 15,781 เหรียยญ/ลำ/วัน มีสัญญา 30.01% และในปี 56 ได้อัตราค่าระวางเรือ 15,868 เหรียญ/ลำ/วัน มีสัญญาเช่า 25.98%

นอกจากนี้ แผนการปรับลดอายุกองเรือ โดยซื้อเรือที่อายุน้อยกว่ามีเครื่องยนต์ที่ดีกว่า ประหยัดเชื้อเพลิงและขนาดใหญ่กว่าจากตลาดเรือมือสอง เพื่อทดแทนเรืออายุมากที่อยู่ในกองเรือปัจจุบันของบริษัท บริษัทฯได้ดำเนินการขายเรือเก่าไปแล้วจำนวน 21 ลำ และยังมีเรืออีก 4 ลำที่จะต้องขายโดยคาดว่าจะเสร็จสิ้นการปลดระวางเรือภายในสิ้นไตรมาสหนึ่งปี 53

"แผนการปรับลดอายุกองเรือได้ประสบความสำเร็จภายใต้ภาวะการเงินที่ตึงเครียดอยู่ ซึ่งบริษัทฯได้รอโอกาสอันเหมาะสมนี้ ด้วยความอดทน และหากบริษัทฯดำเนินแผนการปรับลดอายุกองเรือได้สำเร็จ บริษัทฯจะมีความมั่นใจสำหรับกำไรระยะยาวตลอดช่วงเวลา 20 ถึง 30 ปีต่อจากนี้"บริษัทระบุในบทวิเคราะห์ของผุ้บริหาร

ดังนั้น บริษัทฯได้จัดหาวงเงินสินเชื่อ 500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จากผู้ให้กู้รายปัจจุบันของบริษัทฯและรายใหม่ เพื่อนำมาใช้สำหรับแผนการปรับลดอายุกองเรือ โดยจะไม่กระทบกับงบดุลหรือส่วนของผู้ถือหุ้น

บริษัทฯ ได้เริ่มแผนการทดแทนเรือเก่าโดยการซื้อเรือ "รจเรข นารี" ขนาด 29,870 เดดเวทตัน สร้างในปี พ.ศ.2548 ในญี่ปุ่น ที่บริษัทฯได้ซื้อเข้ามาในราคา 22.15 ล้านเหรียญสหรัฐ และหากราคาของเรือประเภทเดียวกันจะอยู่ในระดับนี้หรือต่ำกว่านี้ บริษัทฯ ก็จะพิจารณาซื้อเรือเพิ่มอีก 24 ลำเข้ามาเสริมในกองเรือบริษัทฯ

อย่งไรก็ตาม ประเทศจีนยังคงมีอิทธิพลอย่างต่อเนื่องต่อตลาดขนส่งสินค้าแห้งเทกอง จีนนำเข้าถ่านหินสำหรับช่วงเก้าเดือนแรกเพิ่มขึ้นเป็น 86.16 ล้านตัน ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 165 จากปริมาณ 32.50 ล้านตัน ตลาด Baltic Exchange ได้รายงานในเดือนพฤศจิกายน 2552 ว่า เรือขนสินค้าเทกองขนาดเคปไซส์ จำนวน 180 ลำ ได้เข้าคิวเพื่อรอขนถ่ายสินค้าที่ท่าเรือประเทศจีน ซึ่งคิดเป็นประมาณร้อยละ 20 ของกองเรือโลก ผลผลิตแร่เหล็กในประเทศได้ขยายตัวมากกว่าร้อยละ 36 ทั้งนี้ ผู้ดูแลกฏระเบียบของธนาคารจีนวางแผนที่จะชะลอการให้สินเชื่อให้อยู่ระดับ 7 หมื่นล้านหยวน (1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ) และ 8 หมื่นล้านหยวน ในปี 2553

นอกจากนี้ คณะกรรมาธิการกำกับธนาคารจีน (China Banking Commission) ได้อ้างถึงจำนวน 8.9 หมื่นล้านหยวนของสินเชื่อใหม่ภายในประเทศในช่วง10 เดือนแรกของปี 52 กล่าวคือประเทศจีนกำลังพยายามยามทำให้เกิดความมั่นใจว่าสินเชื่อจะเพียงพอที่จะสนับสนุนการฟื้นฟูเศรษฐกิจ และจำกัดความเสี่ยงของสินเชื่อสำหรับสินทรัพย์ปี 2552 ได้อาจก่อให้เกิดภาวะฟองสบู่และหนี้เสีย มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนจำนวน 586 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ได้กระตุ้นให้ความต้องการใช้เหล็กจากผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์และผู้ผลิตรถยนต์จึงส่งผลให้ผลผลิตเหล็กในประเทศจีนสูงขึ้นแตะระดับสูงของปี 2552 และจากข้อมูลของสถาบันสถิติของประเทศจีน (The National Bureau of Statistics, China) คาดการณ์ว่าจะมีผลผลิตเหล็กจำนวน 566 ล้านตันในปี 2552 ซึ่งเพิ่มขึ้นเกือบ ประมาณร้อยละ 14 จากปีที่ผ่านมา

ขณะที่ การปลดระวางเรือได้ชะลอตัวอย่างมากในปีนี้ โดยในไตรมาสสี่ปี 52 มีเรือจำนวน 51 ลำ ได้ถูกปลดระวางขณะที่มี เรือใหม่เข้ามา 65 ลำ ส่งผลให้กองเรือเพิ่มขึ้นสุทธิจำนวน 14 ลำสำหรับกองเรือโลก ประเภทเดียวกับบริษัทฯ สำหรับปี 52 ทั้งปี กองเรือโลกประเภทเดียวกับบริษัทได้ลดลงร้อยละ 2.9 โดยลดลงจาก 3,219 ลำ เมื่อเริ่มต้นปี เหลือ 3,126 ลำ ณ สิ้นปี

ถ้าตลาดค่าระวางยังอยู่ในช่วงตกต่ำและมีความผันผวนเช่นปัจจุบัน บริษัทฯ คาดว่ากองเรือโลกในกลุ่มเดียวกับบริษัทฯ จะลดลงประมาณร้อยละ 3 ถึง 5 ต่อปี ในช่วง 2- 3 ปีต่อไป สิ่งนี้จะช่วยปรับความไม่สมดุลของอุปสงค์และอุปทานและให้ตลาดค่าระวางปัจจุบัน ปรับตัวสูงขึ้นในช่วงสองปีข้างหน้า


แท็ก (PSL)   สหรัฐ  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ