บมจ.มิลล์คอนสตีลอินดัสทรีส์ (MILL)เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานงวดปี 52 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 52 มีกำไรสุทธิ 186.19 ล้านบาท เปลี่ยนแปลงเกินกว่า 20% จากงวดเดียวกันของปี 51 ที่มีกำไร 272.06 ล้านบาท
สาเหตุหลักมาจากบริษัทมีรายได้อื่นเท่ากับ 153.29 ล้านบาท ลดลง 489.32 ล้านบาท คิดเป็น 76.15% เนื่องจากปี 51 บริษัทฯมีรายได้ที่ได้จากส่วนเกินของส่วนได้เสียในมูลค่าสินทรัพย์สุทธิของบริษัทย่อยที่สูงกว่าต้นทุน ซึ่งเกิดขึ้นครั้งเดียวจากการเข้าไปลงทุนซื้อหุ้นในบริษัท บี อาร์ พี สตีล เมื่อ 30 เม.ย.51 จำนวน 609.86 ล้านบาทจึงเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้กำไรสุทธิในปี 51 สูงกว่าปี 52 เกินกว่า 20%
ขณะที่บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 10,032.03 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.55% จากงวดเดียวกันของปี 51 หรือเพิ่มขึ้นเท่ากับ 616.23 ล้านบาท เนื่องจากขายสินค้าได้เพิ่มมากขึ้น
บริษัทฯ มีต้นทุนขาย 9,637.39 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 332.90 บาท คิดเป็น 3.58% จากปี 51 ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบต้นทุนขายกับยอดขายที่เพิ่มขึ้นแล้ว เพิ่มขึ้นในอัตราที่ลดลง ขณะที่มีค่าใช้จ่ายรวมเท่ากับ 165.51 ล้านบาทลดลง 33.48 ล้านบาท คิดเป็นอัตราส่วน 16.83% และมีต้นทุนทางการเงิน 180.66 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 13.50% เกิดจากการได้รับวงเงินจากสถาบันการเงินที่เพิ่มขึ้น
บริษัทมีสินทรัพย์รวมเท่ากับ 6,716.13 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.98% เกิดจากการรับตั๋วสัญญาใช้เงินจากลูกค้ามากขึ้น และมีการจ่ายเงินล่วงหน้าและเงินประกันค่าวัตถุดิบเพื่อลดความเสี่ยงในเรื่องความผันผวนของราคาสินค้าและวัตถุดิบ และบริษัทมีหนี้สินรวม เท่ากับ 4,323.93 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.66% จากปี 51 ซึ่งเกิดจากการนำตั๋วสัญญาใช้เงินที่ได้รับล่วงหน้าจากลูกค้าไปขายลดกับสถาบันการเงินเพื่อนำเงินมาจ่ายล่วงหน้าค่าวัตถุดิบเพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนในเรื่องราคาวัตถุดิบ