นายอนนต์ สิริแสงทักษิณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม หรือ ปตท.สผ.(PTTEP) แจ้งว่า ตามที่ บริษัท PTTEP Australasia (Ashmore Cartier) PTY LTD ซึ่งเป็นบริษัทย่อย เป็นผู้ดำเนินการและถือหุ้นทั้งหมดในแปลงสำรวจ AC/P33 (แหล่ง Oliver) โดยได้รับการอนุมัติอย่างเป็นทางการจากรัฐบาลออสเตรเลียแล้ว
ผลการเจาะหลุมสำรวจ Oliver-2 พบว่าแปลงสำรวจ AC/P33 ตั้งอยู่นอกชายฝั่ง Timor Sea ทางตอนตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศออสเตรเลีย ซึ่งมีการสำรวจพบก๊าซธรรมชาติครั้งแรกเมื่อปี 31 จากการเจาะหลุมสำรวจ Oliver-1โดยผู้ถือสัมปทานในอดีต และ PTTEP ได้ทำการเจาะหลุมสำรวจ Oliver-2 โดยเมื่อเจาะถึงระดับความลึกสุดท้ายที่ 3,233 เมตร พบชั้นหินกักเก็บก๊าซธรรมชาติ ซึ่งมีความหนารวม 81 เมตร
การพบก๊าซธรรมชาติในหลุมสำรวจ Oliver-2 ถือเป็นการยืนยันศักยภาพของแหล่งก๊าซธรรมชาติที่ค้นพบ ซึ่งจะนำไปสู่โอกาสการขยายการลงทุนต่อเนื่องในประเทศออสเตรเลีย รวมถึงการพัฒนาธุรกิจ Floating LNG (FLNG) ต่อไปในอนาคต
นอกจากนี้ บริษัท ปตท.สผ. อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งเป็นบริษัทย่อย และบริษัท PC JDA Limited ได้เข้าร่วมลงทุนในโครงการพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย บี-17 โดยแต่ละฝ่ายมีสัดส่วนร่วมลงทุน 50% และได้ร่วมกันก่อตั้งบริษัท Carligari-PTTEPI Operating Company Sdn. Bhd. หรือ CPOC เพื่อทำหน้าที่เป็นผู้ดำเนินการ และบริหารโครงการในพื้นที่ดังกล่าว นั้น
ทั้งนี้ โครงการพื้นที่คาบเกี่ยวไทย-มาเลเซีย-บี17 ได้เริ่มดำเนินการผลิตก๊าซธรรมชาติแล้ว โดยขณะนี้สามารถเพิ่มอัตราการผลิตจนถึงระดับตามที่ตกลงในสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติกับ บมจ. ปตท. (PTT) ที่ประมาณ 135 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วัน และมีระดับการผลิต คอนเดนเสทประมาณ 4,900 บาร์เรลต่อวัน ทั้งนี้ คาดว่าจะสามารถเพิ่มระดับการผลิตก๊าซธรรมชาติขึ้นไปเป็น 335 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วันได้ ภายในไตรมาส 4/53
การเริ่มผลิตก๊าซธรรมชาติของโครงการพื้นที่คาบเกี่ยวไทย-มาเลเซีย-บี17 ถือเป็นก้าวที่สำคัญ ของ PTTEP ในการจัดหาพลังงาน เพื่อรองรับความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติของประเทศไทยต่อไปในอนาคต