นายไพสิทธิ์ ฮุนพงษ์สิมานนท์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ตรังผลิตภัณฑ์อาหารทะเล (TRS) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 1/2553 เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2553 มีมติให้เสนอต่อที่ประชุมใหญ่สามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2553 เพื่ออนุมัติการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 100,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท เสนอขายให้แก่บุคคลในวงจำกัด ในราคาเสนอขายหุ้นละ 0.50 บาท
กลุ่มบุคคลที่คาดว่าจะเสนอขาย ได้แก่ 1.นายบุญชู ศัยศักดิ์พงษ์ 40 ล้านหุ้น 2. นายสุรสิทธิ์ เกียรติยศสกุล 20 ล้านหุ้น 3. นายไพสิทธิ์ ฮุนพงษ์สิมานนท์ 20 ล้านหุ้น 4. นายวิกรานต์ ชุติมาภรณ์ 14 ล้านหุ้น และ 5. พ.ต.อ. สุนทร เฉลิมเกียรติ 6 ล้านหุ้น
ทั้งนี้ การเสนอขายหุ้นราคาต่ำครั้งนี้ เพื่อประโยชน์ในการฟื้นฟูกิจการของบริษัท ตามกรอบการดำเนินการที่อนุมัติโดยที่ประชุม คณะกรรมการบริษัท โดยการเพิ่มทุนครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการปรับปรุงโครงสร้างทุน ซึ่งประกอบไปด้วย การลดทุนจดทะเบียนของบริษัทจากจำนวน 1,200,000,000 บาท เหลือจำนวน 202,385,100 บาทโดยการตัดหุ้นสามัญที่ยังมิได้จำหน่ายจำนวน 99,761,490 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท
และให้โอนทุนสำรองตามกฎหมายและทุนที่เกินจากส่วนเกินและส่วนต่ำกว่ามูลค่าหุ้น เพื่อนำไปชดเชยผลขาดทุนสะสมของบริษัท ซึ่งการลดทุนเพื่อล้างขาดทุนสะสม โดยการลดมูลค่าหุ้นจากเดิมมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท เป็นมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท
การเพิ่มทุนใหม่จำนวน 50,000,000 บาทเพื่อนำเงินมาใช้ในการดำเนินธุรกิจ รวมทั้ง การปรับปรุงโครงสร้างหนี้ โดยการเจรจากับเจ้าหนี้สถาบันการเงินเพื่อขอปรับโครงสร้างหนี้หรือขยายกำหนดระยะเวลาชำระหนี้ และกู้เงินจากกรรมการเพื่อใช้เป็น เงินทุนหมุนเวียนฉุกเฉินในช่วงระหว่างที่การปรับปรุงโครงสร้างทุนยังไม่แล้วเสร็จ
และ ดำเนินการแก้ไขสถานะของบริษัทซึ่งเหตุแห่งการถูกเพิกถอนจากการเป็นบริษัทจดทะเบียนตามข้อบังคับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เนื่องจากตลาดหลักทรัพย์มีคำสั่งห้ามการซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม 2552 จนถึงปัจจุบัน จึงไม่มีราคาตลาดที่ใช้เปรียบเทียบกับราคาเสนอขาย บริษัทจึงได้แต่งตั้งบริษัท เวลท์ พลัส แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด ให้เป็นที่ปรึกษาทางการเงินอิสระเพื่อทำการประเมินมูลค่าหุ้น และ ผลการประเมินมูลค่าหุ้นสามัญของที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ มีมูลค่าเท่ากับหุ้นละ 1.35 บาท อ้างอิงจากรายงานความเห็นของที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ ฉบับลงวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2553 ซึ่งได้สรุปวิธีการประเมินราคาที่เหมาะสมคือวิธีมูลค่าตามบัญชีปรับปรุง (Adjusted Book Value Approach)
อย่างไรก็ตาม ผู้ถือหุ้นมีสิทธิในการคัดค้านการเสนอขายหุ้นที่ออกใหม่ในราคาต่ำ โดยออกเสียงคัดค้านรวมกันตั้งแต่ร้อยละสิบของจำนวนเสียงทั้งหมดของผู้ถือหุ้นที่มาประชุม
ส่วนความเห็นของคณะกรรมการบริษัท เห็นว่าเหตุผลความจำเป็นที่มีการเสนอขายหุ้นที่ออกใหม่ในราคาต่ำ เนื่องจากในปัจจุบันสภาวะเศรษฐกิจโลกยังคงถดถอยทำให้มีความเสี่ยงในการดำเนินการ และทางบริษัทยังมีปัญหาทางด้านหนี้สินกับสถาบันการเงินอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งผู้ถือหุ้นใหม่เป็นผู้รับความเสี่ยง และอีกสาเหตุหนึ่งมาจากทางบริษัทได้ทำการเพิ่มทุน เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2552 ในราคา 1.20 บาทต่อหุ้น แต่ไม่ประสบความสำร็จในการเพิ่มทุน ในกรณีที่ใช้ราคาประเมินโดยวิธีมูลค่าตามบัญชีปรับปรุง ซึ่งมีมูลค่า 1.35 บาทต่อหุ้นจะทำให้ไม่มีแรงจูงใจในการเพิ่มทุนและก่อให้เกิดความเสียหายกับบริษัทในกรณีที่การเพิ่มทุนใช้ระยะเวลานาน
ในกรณีที่การเพิ่มทุนสำเร็จจะสามารถทำให้บริษัทสามารถบริหารและดำเนินงานไปได้คล่องตัวมากขึ้น ทำให้สามารถลดความเสียหายต่อผลการดำเนินงานของบริษัทลงไปได้ จากเหตุผลดังที่กล่าวมานี้ทางคณะกรรมการบริษัทได้พิจารณาแล้วเห็นว่าการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในราคาต่ำครั้งนี้มีความเหมาะสมและเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับบริษัทฯ