บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล็อปเมนต์ (ITD) เปิดเผยว่า บริษัท มีผลขาดทุนสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นบริษัทใหญ่ในงบการเงินรวมสำหรับงวดสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2552 เท่ากับจำนวน 1,774.11 ล้านบาท โดยขาดทุนลดลงเป็นจำนวน 881.82 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 33.20 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน
เนื่องจากบริษัทฯ มีกำไรขั้นต้น 2,148.53 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 1,394.12 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ 184.80 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และ มีดอกเบี้ยรับจำนวน 246.21 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 113.30 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ 85.25 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยส่วนหนึ่งเนื่องจากบริษัทฯ ได้รับดอกเบี้ยค้างชำระจากเจ้าของงานแห่งหนึ่งและดอกเบี้ยรับจากเงินฝาก
นอกจากนี้ มีกำไรจากการซื้อคืนหุ้นกู้แปลงสภาพจำนวน 503.38 ล้านบาท เนื่องจาก Italian-Thai Development (BVI) Co., Ltd. (บริษัทย่อยที่ถือหุ้นทางอ้อมของบริษัทฯ) ได้ดำเนินการซื้อคืนหุ้นกู้แปลงสภาพบางส่วนคิดเป็นจำนวนเงินต้น 37,700,000 เหรียญ สหรัฐอเมริกา หรือร้อยละ 25.13 ของจำนวนเงินต้นคงค้างภายใต้หุ้นกู้แปลงสภาพทั้งหมด
และ มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 385.46 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 679.68 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ 231.01 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเป็นจำนวน 294.22 ล้านบาท เนื่องจากเงินบาทแข็งค่าขึ้น
อย่างไรก็ดี เหตุผลหลักที่บริษัทฯ มีผลขาดทุนสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทจำนวน 1,774.11 ล้านบาท เนื่องมาจาก บริษัทฯ ได้มีค่าใช้จ่ายในการบริหารงานจำนวน 2,130.13 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 334.40 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ 18.62 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้ ส่วนใหญ่เป็นค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจากกิจการร่วมค้าใหม่ที่ดำเนินธุรกิจก่อสร้าง อาทิเช่น โครงการก่อสร้างสนามบิน โกลกาตา โครงการขุดขนถ่านหินแม่เมาะ เฟส 7 นอกจากนี้บริษัทฯ ได้ตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ จำนวน 194.28 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญจากกิจการร่วมค้าที่ดำเนินงานในประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรส จำนวน 116.35 ล้านบาท การขาดทุนจากการขายสินทรัพย์จากโครงการที่ดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จ จำนวน 512.31 ล้านบาท การขาดทุนจากการจำหน่ายเงินลงทุนในประเทศฟิลิปปินส์ จำนวน112.70 ล้านบาท การขาดทุนจากตัดจำหน่ายเงินทดรองจ่ายโครงการที่ดำเนินงานในประเทศกัมพูชา จำนวน 253.56 ล้านบาท เป็นต้น