AYUD ปันผลงวดปี 52 อีก 0.50 บ./หุ้น,เข้าซื้อหุ้น" บีทีประกันภัย"

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday March 15, 2010 09:35 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายโรวัน ดี อาซี่ กรรมการผู้อำนวยการ บมจ. ศรีอยุธยาประกันภัย (AYUD) แจ้งว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 3/53 เมื่อวันที่ 12 มี.ค.53 มีมติจัดสรรกำไรประจำปี 52 จ่ายเงินปันผลสำหรับงวดการบัญชีครึ่งปีหลังของปี 52 ให้ผู้ถือหุ้นจำนวน 250 ล้านหุ้น ในอัตราหุ้นละ 0.50 บาท รวมเป็นเงิน 125 ล้านบาท

กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิเข้าร่วมประชุมสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 61 และมีสิทธิในการรับเงินปันผล ในวันจันทร์ที่ 29 มี.ค.53 (Record Date) และให้รวบรวมรายชื่อตามมาตรา 225 ของพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2551 โดยวิธีปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้น (Closing Date) ในวันอังคารที่ 30 มี.ค.53 โดยจะจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในวันพุธที่ 28 เม.ย.53

และเมื่อรวมเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี 52 ที่บริษัทฯ ได้จ่ายไปแล้วจำนวน 0.50 บาท/หุ้น เมื่อวันที่ 18 ก.ย.53 รวมปี 52 บริษัทจ่ายเงินปันผลทั้งสิ้นจำนวน 1 บาท/หุ้น

นอกจากนี้ได้อนุมัติการเข้าซื้อหุ้นของบริษัท บีทีประกันภัย จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทประกันวินาศภัยซึ่งถือหุ้น 99.99 % โดยธนาคารซีไอเอ็มบีไทย (CIMBT) เพื่อช่วยเสริมสร้างศักยภาพของบริษัทให้เข็งแกร่ง อีกทั้งยังเป็นการขยายขอบเขตธุรกิจในปัจจุบันของบริษัทให้กว้างขวางยิ่งขึ้น อันจะส่งผลดีต่อบริษัทและผู้ถือหุ้นของบริษัท

นอกจากนี้ เพื่อเป็นการสนับสนุนแผนการขยายธุรกิจของบริษัท คณะกรรมการบริษัทยังเล็งเห็นถึงโอกาสที่จะขยายช่องทางการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของบริษัทผ่านการดำเนินการวิสาหกิจธนาคารและประกันภัย(Bancassurance) โดยผ่านช่องทางการจัดจำหน่ายของซีไอเอ็มบีที ด้วยเหตุนี้ คณะกรรมการจึงมีมติอนุมัติให้บริษัทเข้าทำสัญญาวิสาหกิจธนาคารและประกันภัยกับ CIMBT อันถือเป็นส่วนหนึ่งของการซื้อขายหุ้นบีทีไอ

บริษัทคาดว่าจะได้เข้าทำสัญญาซื้อขายหุ้นของบีทีไอ และสัญญาวิสาหกิจธนาคารและประกันภัย กับ CIMBT ภายใน มี.ค.53 อย่างไรก็ดี การซื้อขายหุ้นบีทีไอภายใต้สัญญาซื้อขายหุ้นดังกล่าวนี้จะเกิดขึ้นต่อเมื่อเงื่อนไขตามที่กำหนดไว้ในสัญญาซื้อขายหุ้นเกิดขึ้น ซึ่งรวมถึงการได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) และการได้รับอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัทซึ่งจะจัดให้มีขึ้นในวันที่ 20 เม.ย.53

สำหรับสัญญาซื้อขายหุ้นบริษัทจะซื้อหุ้นบีทีไอ จาก CIMBT สำหรับหุ้นสามัญจำนวน 29,999,910 หุ้น และผู้ถือหุ้นรายย่อยอื่น ๆ จำนวน 6 ราย สำหรับหุ้นสามัญจำนวน 88 หุ้น ราคาซื้อขายหุ้นของบีทีไอมีจำนวนเท่ากับ 392 ล้านบาท อนึ่ง ราคาซื้อขายหุ้นดังกล่าวนี้อาจจะมีการปรับตามข้อกำหนดและเงื่อนไขที่ได้กำหนดไว้ในสัญญาซื้อขายหุ้น

ทั้งนี้ บริษัทบีที ประกันภัย ดำเนินธุรกิจประกันวินาศภัย มีทุนจดทะเบียน 300 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท สัดส่วนการถือหุ้นหลังการซื้อขายหุ้น 99.99% ของจำนวนหุ้นที่มีสิทธิออกเสียงและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบีทีไอ

ภายหลังจากซื้อหุ้นบีทีไอซึ่งคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้ บีทีไอจะเข้าเป็นบริษัทย่อยที่บริษัทถือหุ้น 99.99% บริษัทจะดำเนินการโอนทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการประกันวินาศภัยบางประการ รวมถึงธุรกิจใหม่ของบริษัทไปยังบีทีไอ โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะรวมทรัพย์สินดังกล่าว เข้ากันกับทรัพย์สินของบีทีไอและให้บีทีไอเป็นบริษัทหลักในการดำเนินธุรกิจประกันวินาศภัยต่อไป

ในการนี้ บีทีไอจะดำเนินการเพิ่มทุนเพื่อประโยชน์ในการดำเนินการควบรวมกิจการ ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของแผนการปรับโครงสร้างธุรกิจของบริษัท ซึ่งจะไม่ส่งผลกระทบในทางลบต่อผู้ถือหุ้นของบริษัทเนื่องจากบริษัทจะยังคงถือหุ้นโดยตรงในบีไอในอัตรา 99.99%

ภายหลังการซื้อหุ้นบีทีไอแล้วเสร็จ บริษัทมีแผนจะทยอยระงับการประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยของบริษัท โดยการงดการออกกรมธรรม์ประกันภัยใหม่และปล่อยให้กรมธรรม์ประกันภัยที่บริษัทรับประกันอยู่ในปัจจุบันทยอยสิ้นผลลง ในการนี้ บริษัทจะดำเนินการให้ลูกค้าที่ต้องการจะทำการต่ออายุกรมธรรม์ประกันภัยกับบริษัทและลูกค้าที่ต้องการจะเข้าทำกรมธรรม์ประกันใหม่กับบริษัทไปทำกรมธรรม์ประกันภัยกับบีทีไอ ทั้งนี้ กรมธรรม์ประกันภัยที่ยังมีผลใช้บังคับอยู่ ในปัจจุบันจะยังคงได้รับการคุ้มครองจากบริษัทจนกว่าจะหมดอายุกรมธรรม์

บริษัทคาดว่าภายในสิ้นปี 54 บริษัทจะโอนเฉพาะทรัพย์สินและหนี้สินที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจประกันวินาศภัยไปยังบีทีไอ (โดยทรัพย์สินและหนี้สินที่ไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจประกันวินาศภัยจะยังคงอยู่กับบริษัทต่อไป) และจะดำเนินการคืนใบอนุญาติประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยของบริษัทแก่ คปภ.ต่อไป และภายหลังการคืนใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยแล้ว บริษัทจะยังคงดำรงสถานะเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยต่อไป แต่จะดำเนินการเปลี่ยนสถานะเป็นบริษัทประกอบธุริจ โดยการถือหุ้นในบริษัทอื่นเป็นหลัก (Investment Holding Company)

อนึ่ง บริษัทจะศึกษาแผนการและแสวงหาวิธีการที่ดีที่สุดในการดำเนินการตามขั้นตอนที่ระบุไว้ข้างต้นต่อไป และขอยืนยันว่าบริษัทจะดำเนินการตามขั้นตอนดังกล่าวให้เป็นไปตามกฎหมายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงตามข้อปฏิบัติต่างๆ ที่กำหนดโดยหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้ถือหุ้นของบริษัทเป็นสำคัญ

กำหนดวันประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 61 ในวันอังคารที่ 20 เม.ย.53


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ