"องอาจ ดำรงสกุลวงษ์" ทำเทนเดอร์ฯ หุ้น IHL 19 เม.ย. - 25 พ.ค.

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday April 16, 2010 10:35 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางสาวชุติมา บุษยโภคะ รองกรรมการผู้จัดการ บมจ. อินเตอร์ไฮด์ (IHL) แจ้งว่า นายองอาจ ดำรงสกุลวงษ์ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ IHL ได้ยื่นแบบ คำเสนอซื้อหลักทรัพย์ (แบบ 247-4) เพื่อการเสนอซื้อหุ้นสามัญของบริษัท ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และได้ส่งสำเนาแก่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และบริษัทด้วยนั้น โดยวันนี้ (16 เม.ย.53) นายองอาจ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นของกิจการโดยถือหุ้นจำนวน 114,938,930 หุ้น หรือคิดเป็น 38.31% ของจำนวนหุ้นที่ออกจำหน่ายและชำระแล้วทั้งหมดของกิจการ ได้ยื่นคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ และผู้ทำคำเสนอซื้อจะรับซื้อหลักทรัพย์รวมระยะเวลาทั้งสิ้น 25 วันทำการ ตั้งแต่เวลา 9:00 น. ถึง 16:00 น. ของทุกวันทำการตั้งแต่วันที่ 19 เม.ย.-25 พ.ค.53 ซึ่งระยะเวลาดังกล่าวเป็นระยะเวลารับซื้อสุดท้ายที่จะไม่ขยายระยะเวลารับซื้ออีก (final period) ในราคาหุ้นละ 3.80 บาท วัตถุประสงค์ในการทำคำเสนอซื้อเนื่องจากเมื่อวันที่ 5 พ.ค.52 ผู้ทำคำเสนอซื้อได้เข้าทำบันทึกความเข้าใจเพื่อจะทำสัญญาซื้อหุ้นของกิจการทั้งหมดที่ถือโดย บริษัท ซูมิโตโม คอร์ปอเรชั่น และบริษัท ซูมิโตโม คอร์ปอเรชั่น ไทยแลนด์ จำกัด จำนวนรวมทั้งสิ้น 60 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วนเท่ากับ 20% ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของกิจการหรือของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ ซึ่งมีมูลค่าที่ตราไว้ที่หุ้นละ 1.00 บาท ในราคาหุ้นละ 3.80-4.00 บาท

และในวันที่ 1 เม.ย.53 ผู้ทำคำเสนอซื้อได้เข้าทำสัญญาและทำรายการซื้อหุ้นของกิจการทั้งหมดที่ถือโดยผู้ขายโดยมีราคาเสนอซื้อเท่ากับ 3.80 บาท/หุ้น โดยได้ทำการชำระค่าหุ้นแก่ผู้ขาย เมื่อวันที่ 7 เม.ย.53 เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 28 ล้านบาท เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ทั้งนี้ เมื่อนับรวมกับหุ้นของกิจการที่ผู้ทำคำเสนอซื้อ บุคคลกลุ่มเดียวกับผู้ทำคำเสนอซื้อ และบุคคลตามมาตรา 258 ถืออยู่ก่อนการได้มาดังกล่าว ผู้ทำคำเสนอซื้อ บุคคลกลุ่มเดียวกับผู้ทำคำเสนอซื้อ และบุคคลตามมาตรา 258 ได้ถือหุ้นในกิจการเพิ่มขึ้นจาก 134,901,550 หุ้น เป็นจำนวนรวมทั้งสิ้น 194,901,550 หุ้น หรือคิดเป็นการเพิ่มขึ้นจาก 44.97% เป็น 64.97% ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของกิจการหรือของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ ซึ่งส่งผลให้ผู้ทำคำเสนอซื้อ บุคคลกลุ่มเดียวกับผู้ทำคำเสนอซื้อ และบุคคลตามมาตรา 258 ถือหุ้นในกิจการเกิน 50% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ ทำคำเสนอซื้อจึงมีหน้าที่ต้องทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของกิจการ

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากผู้ทำคำเสนอซื้อได้รับการยืนยันจากผู้ถือหุ้นของกิจการจำนวน 22 ราย ที่แสดงเจตนาที่จะไม่ขายหุ้นที่ถืออยู่จำนวนรวมกันทั้งหมด 160,473,520 หุ้น คิดเป็น 53.49% ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของกิจการ และของจำนวนสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ

ดังนั้น ผู้ทำคำเสนอซื้อคาดว่าจะมีหุ้นสามัญของกิจการจำนวนเท่ากับ 24,587,550 หุ้น คิดเป็น 8.20% ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของกิจการ และของจำนวนสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ มาขายในการทำคำเสนอซื้อครั้งนี้ โดยหากพิจารณาจากราคาเสนอซื้อเท่ากับหุ้นละ 3.80 บาท สามารถคิดเป็นมูลค่าในการทำคำเสนอซื้อทั้งสิ้น 93,432,690 บาท (หากผู้ถือหุ้นทุกรายแสดงเจตนาขายหุ้นสามัญทั้งหมดตามคำเสนอซื้อนี้)

ทั้งนี้ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) ตกลงที่จะให้การสนับสนุนด้านการเงินแก่ผู้ทำคำเสนอซื้อจำนวน 50 ล้านบาท สำหรับการทำคำเสนอซื้อครั้งนี้ นอกจากนี้ผู้ทำคำเสนอซื้อจะใช้แหล่งเงินทุนจากเงินฝากธนาคารของผู้ทำคำเสนอซื้อ ในจำนวนเงินรวม 44,421,245.34 บาท เป็นแหล่งเงินทุนอีกส่วนหนึ่งในการชำระมูลค่าของการเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดในครั้งนี้

อย่างไรก็ดีหากกลุ่มผู้ถือหุ้นของกิจการจำนวน 22 ราย ที่แสดงเจตนาที่จะไม่ขายหุ้นที่ถืออยู่เปลี่ยนความจำนงและประสงค์ที่จะขายหุ้นสามัญจำนวน 160,473,520 หุ้น หรือคิดเป็น 53.49% ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของกิจการ และของจำนวนสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ ซึ่งคิดเป็นมูลค่า609,799,376 บาท ในการทำคำเสนอซื้อครั้งนี้ ผู้ทำคำเสนอซื้อมีแผนสำรองในการหาแหล่งเงินทุนเพิ่มเติมจากสถาบันการเงิน และ/หรือ แหล่งเงินกู้อื่น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ