ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย (CIMBT)ชี้แจงผลดำเนินงานไตรมาส 1/53 สิ้นสุด 31 มี.ค. ธนาคารและบริษัทย่อยมีผลกำไรสุทธิในไตรมาส 1/53 จำนวน 348 ล้านบาท ปรับตัวดีขึ้นจำนวน 605 ล้านบาท หรือ 236% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 1/52 มีผลจากขาดทุนสุทธิจำนวน 257 ล้านบาท
ทั้งนี้ ธนาคารมีรายได้ 1.83 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 0.17 พันล้านบาท หรือ 10% จากไตรมาส 1/52 ซึ่งมีรายได้จำนวน 1.66 พันล้านบาท โดยหลักมาจากรายได้ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 156 ล้านบาท หรือ 14 % และรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยขยายตัวเพิ่มขึ้น 13 ล้านบาท หรื อ 2%
เนื่องจากกลยุทธ์การบริหารเงินฝากที่เหมาะสม ทำให้ต้นทุนเงินฝากลดลงและส่วนต่างดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น โดยส่วนต่างดอกเบี้ยของไตรมาส 1/52 อยู่ที่ 2.6 % ไตรมาส 1/53 อยู่ที่ 4.3%, เงินฝากลดลง 7% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/52 ทำให้สัดส่วนสินเชื่อต่อเงินฝาก (รวมตั๋วแลกเงิน) ขึ้นมาอยู่ที่ 92% ในไตรมาส 1/53
เงินให้สินเชื่อของกลุ่มธนาคารเพิ่มขึ้น 2% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/52 โดยส่วนใหญ่มาจากสินเชื่อรายย่อยและสินเชื่อ SME แต่เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานบัญชี ธนาคารได้มีการจัดประเภทรายการเงินลงทุนในบริษัทย่อยใหม่เป็นสินทรัพย์ถือไว้เพื่อขาย ดังนั้นจากการจัดประเภทรายการใหม่ทำให้เงินให้สินเชื่อของกลุ่มธนาคารที่รายงานในงบการเงินรวมลดลง 2%
สินเชื่อด้อยคุณภาพ (gross NPL) ตามงบการเงินรวมมีจำนวน 8.8 พันล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อทั้งหมด 10.4% ปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาส 4/52 ซึ่งมีสัดส่วนอยู่ที่ 14.9% เนื่องมาจากงบการเงินรวมไม่ได้รวม STAMC ถ้าหากงบการเงินรวมได้รวม STAMC แล้วสินเชื่อด้อยคุณภาพ ปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยจาก 14.9% ในไตรมาส 4/52 มาอยู่ที่ 14.1% ในไตรมาส 1/53 สัดส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อเงินให้สินเชื่ออยู่ที่ 0.8% เมื่อเทียบกับ 1.4% ในไตรมาส 1/52 ปรับตัวดีขึ้น 0.6% เนื่องมาจากการบริหารหนี้ด้อยคุณภาพในไตรมาสที่ผ่านมา สัดส่วนเงินสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ อยู่ที่ 53.6% ใน ไตรมาส 1/53
ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลง 19% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อน เนื่องจากในไตรมาส 1/52 ธนาคารได้ ตั้งสำรองหนี้สินที่อาจจะเกิดขึ้น และภาระผูกพันสัดส่วนต้นทุนต่อต่อรายได้ปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ ที่ 71.8% ในไตรมาส 1/53 ในขณะที่ไตรมาส 1/52 อยู่ที่ 97.1%
อัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 และอัตราส่วนเงินกองทุนรวมต่อสินทรัพย์เสี่ยง (ตามวิธี Basel II)
อยู่ที่ 6.1% และ 12.1% ตามลำดับ แต่ห กได้นับรวมผลประกอบการของไตรมาสนี้แล้วอัตราส่วนเงินกองทุน
ขั้นที่ 1 และอัตราส่วนเงินกองทุนรวมต่อสินทรัพย์เสี่ยงจะอยู่ที่ 7.0% และ 13.2% ตามลำดับ ซึ่งสูงกว่า
เกณฑ์ขั้นต่ำของธนาคารแห่งประเทศไทย