TPC เผยกำไรสุทธิ Q1/53 ลดลง 37% จากการหยุดซ่อมประจำปี

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday April 27, 2010 14:25 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.ไทยพลาสติกและเคมีภัณฑ์ (TPC) เปิดเผยว่า ไตรมาสที่ 1 ปี 2553 บริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 409 ล้านบาทลดลง 237 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 237 ล้านบาท หรือร้อยละ 37 โดยมีกำไรจากการดำเนินงานลดลงจากปริมาณขาย และส่วนต่างราคาขายกับราคาวัตถุดิบที่ลดลง

บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีรายได้จากการขาย และจากการให้บริการรวม 6,663 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 1,094 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 20 จากราคาขายที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่ปริมาณขายลดลงจากการหยุดซ่อมแซมโรงงานประจำปี

ด้านสัดส่วนของรายได้จากการขาย มาจากธุรกิจพีวีซี ร้อยละ 63 จากธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับพีวีซี ร้อยละ 36 และรายได้อื่นๆ ร้อยละ 1 ของรายได้จากการขายรวมตามลำดับ สัดส่วนรายได้จากการขายและจากการให้บริการรวม ร้อยละ 85 เป็นการขายของบริษัทในประเทศไทย ร้อยละ 15 เป็นการขายของบริษัทย่อยในต่างประเทศ

ทั้งนี้ ตลาดพีวีซีโดยรวมในไตรมาสที่ 1 ปี 2553 ราคาสูงกว่าไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว เนื่องจากความต้องการที่สูงขึ้นหลังจากเผชิญปัญหาเศรษฐกิจถดถอยในปี 2551 จนถึงต้นปี 2552 ประกอบกับปัญหาสภาวะอากาศที่หนาวผิดปกติในประเทศจีน ทำให้มีปัญหาเรื่องการขนส่งและการผลิตภายในประเทศ ส่งผลให้อุปทานตึงตัว อีกทั้งราคาวัตถุดิบปรับตัวสูงขึ้นส่งผลให้ราคาพีวีซีเฉลี่ยไตรมาสที่ 1 ปี 2553 อยู่ที่ US$ 966 ต่อตัน สูงกว่าไตรมาส 1 ปี 2552 ซี่งมีราคาเฉลี่ย US$ 639 ต่อตัน

สำหรับราคาเอทธิลีน ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้น โดยราคาเฉลี่ยในไตรมาสที่ 1 ปี 2553 อยู่ที่ US$ 1,265 ต่อตัน เพิ่มขึ้น US$ 638 ต่อตัน เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ส่วนราคาอีดีซีปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก US$ 166 ต่อตัน ในไตรมาสที่ 1 ปี 2552 เป็น US$ 485 ต่อตัน ในไตรมาสที่ 1 ปี 2553 เนื่องจากราคาโซดาไฟ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ร่วมยังอยู่ในระดับต่ำทำให้ หลายโรงงานลดปริมาณผลิต ส่งผลให้มีอุปทานอีดีซีน้อยลง จากการปรับตัวของราคาขายและต้นทุนวัตถุดิบข้างต้น ส่งผลให้ส่วนต่างราคา PVC - Ethylene เฉลี่ยอยู่ที่ US$ -300 ต่อตัน ลดลง US$ 311 ต่อตัน เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน

โดยตลาดในประเทศ ยอดขายพีวีซีในประเทศเพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1 ของปี 2552 จากภาวะเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้น ส่วนตลาดต่างประเทศ ยอดขายพีวีซีในต่างประเทศลดลง 33% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1 ของปี 2552 เนื่องจากมีปริมาณพีวีซีจำกัด จากการปิดซ่อมบำรุงของโรงงานวีซีเอ็มและพีวีซี และบริษัทให้ความสำคัญกับลูกค้าภายในประเทศก่อน

ณ วันที่ 31 มีนาคม 2553 บริษัท ฯ และบริษัทย่อย มีอัตราส่วนหนี้สินและส่วนของผู้ถือหุ้น เท่ากับ 0.64 ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปลายปีที่ผ่านมา ซึ่งมีอัตราส่วนเท่ากับ 0.61 เท่า


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ