นายวิทการ จันทวิมล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บมจ.เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ (AP) กล่าวว่า ในไตรมาส 2/53 บริษัท เตรียมเปิดพรีเซลบ้านเดี่ยว 2 โครงการใหม่ตามแผนงานที่วางไว้ ภายใต้ชื่อแบรนด์ The Centro (เดอะ เซ็นโทร) ได้แก่ The Centro รามอินทรา และ The Centro รัตนาธิเบศร์ มูลค่าโครงการรวม 3,900 ล้านบาท
ทั้งสองโครงการเป็นบ้านเดี่ยวที่ถูกออกแบบมาเพื่อคนรุ่นใหม่ที่กำลังมองหาแบบบ้านที่มีลักษณะพิเศษแตกต่างจากแบบบ้านทั่วไปในตลาด การจัดการพื้นที่ใช้สอยที่ลงตัว และราคาขายที่สอดรับกับความสามารถในการชำระ หลังจากที่บริษัทฯ ประสบความสำเร็จในตลาดบ้านเดี่ยวระดับบนในชื่อแบรนด์ The City (เดอะ ซิตี้) มาแล้วนั้น โดยทั้ง 2 โครงการพร้อมเปิดพรีเซลในวันที่ 8 พ.ค.53 เป็นต้นไป
และเพื่อเป็นการตอกย้ำความแตกต่างที่สัมผัสได้บริษัทฯ เปิดตัวทั้ง 2 โครงการภายใต้กรอบแนวคิด Feel The Difference ซึ่งประกอบด้วย ความแตกต่างในเรื่องของคอนเซ็ปต์ดีไซต์ โดยได้วางคอนเซ็ปต์การพัฒนาทั้ง 2 โครงการด้วยสไตล์โมเดิร์น โคโลเนียล พิเศษด้วยแบบบ้านที่บริษัทฯ พัฒนาขึ้นมาใหม่ล่าสุดสำหรับ 2 โครงการนี้เท่านั้น
ความแตกต่างในเรื่องของคุณภาพ ที่วัสดุทุกชิ้นได้รับการทดสอบถึงความคงทน แข็งแรงก่อนการเลือกใช้ ตลอดจนความปราณีตในงานก่อสร้างทุกจุด ความแตกต่างในเรื่องของสิ่งอำนวยความสะดวก ที่ถือว่าสมบูรณ์ที่สุดสำหรับการอยู อาศัย และสุดท้ายที่ถือเป็นจุดแข็งของบริษัท คือ ความแตกต่างในเรื่องของทำเลที่ตั้ง โดย The Centro รามอินทรา ถือเป็นหนึ่งเดียวที่ใกล้ถนนรามอินทรามากที่สุด และ The Centro รัตนาธิเบศร์ ที่อยู่ใกล้รถไฟฟ้าสายสีม่วงมากที่สุด
"ที่มาของการพัฒนาแบบบ้านขึ้นมาใหม่นั้น หลักๆ คือเราต้องการสร้างความแตกต่างให้เกิดขึ้น ซึ่งจากการลงพื้นที่สำรวจทั้งในย่านรามอินทราและรัตนาธิเบศร์นั้น พบว่าโครงการส่วนใหญ่มีจุดขายที่ไม่ค่อยต่างกัน โดยเฉพาะในเรื่องของแบบบ้านที่ส่วนใหญ่พัฒนาด้วยสไตล์โมเดิร์นทั้งสิ้น ซึ่งดีมานด์ส่วนใหญ่ต้องการสิ่งที่แตกต่าง เราจึงนำกลิ่นไอของศิลปะสไลต์โคโลเนียลเข้ามาผสมผสานในการออกแบบบ้าน เพื่อสร้างความน่าสนใจยิ่งขึ้น ทั้งยังให้ความสำคัญทั้งในเรื่องคุณภาพงานก่อสร้าง และสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อให้ลูกค้าสัมผัสได้ถึงความแตกต่างจริงๆ" นายวิทการ กล่าว
นายวิทการ กล่าวว่า จำนวนซับพลายที่ได้รับการพัฒนาจากผู้ประกอบการมืออาชีพที่คงเหลืออยู่ในย่านดังกล่าว ยังไม่สอดคล้องกับดีมานต์ที่เกิดขึ้นใหม่ โดยเฉพาะในย่านรัตนาธิเบศร์ที่มีปัจจัยในเรื่องของรถไฟฟ้าสายสีม่วงเข้ามากระตุ้น ดังนั้น บริษัทฯ มั่นใจว่าจากการสร้างความแตกต่างจะส่งผลให้ทั้ง 2 โครงการประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน ซึ่งถึงแม้ในช่วงนี้สถานการณ์ต่างๆ ยังไม่ชัดเจน แต่บริษัทยังคงดำเนินงานตามแผนที่วางไว้ดังเดิม เพื่อรองรับอนาคตเมื่อเศรษฐกิจฟื้นกลับ เราจะได้มีสินค้าพร้อมขายในทันที