บล.บัวหลวง(BLS) เปิดเผยว่า กำไรสุทธิก่อนสอบทานในไตรมาส 1/53 อยู่ที่ 78.69 ล้านบาท ในขณะที่ในไตรมาส 1/52 มีกำไรสุทธิ 6.5 แสนบาท เพิ่มขึ้น 78.04 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่านายหน้าจากการซื้อขายหลักทรัพย์และตราสารอนุพันธ์ และรายได้ค่าธรรมเนียมจากธุรกิจวาณิชธนกิจ
รายได้ค่านายหน้าจากการซื้อขายหลักทรัพย์เพิ่มขึ้น 97.34 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้นร้อยละ 103.76 เนื่องมาจากการเพิ่มขึ้นอย่างมากของมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์ของตลาดโดยรวม และส่วนแบ่งทางการตลาดของบริษัทเพิ่มสูงขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา
รายได้ค่านายหน้าจากการซื้อขายตราสารอนุพันธ์เพิ่มขึ้นจาก 16.54 ล้านบาทในไตรมาส 1/52 มาเป็น 17.14 ล้านบาทในไตรมาส 1/53 จากการเพิ่มขึ้นของมูลค่าการซื้อขายของตลาดอนุพันธ์ แม้ว่าส่วนแบ่งทางการตลาดของบริษัทลดลง, รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการเท่ากับ 129.94 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 12.44 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ธุรกิจวาณิชธนกิจ
กำไร(ขาดทุน)จากการซื้อขายหลักทรัพย์และตราสารอนุพันธ์ มียอดกำไรจำนวน 1.71 ล้านบาท สูงกว่าในไตรมาส 1/52 ซึ่งมีกำไรเท่ากับ 0.51 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการซื้อขายหลักทรัพย์และตราสารอนุพันธ์ของบริษัทที่มากขึ้น ดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์ลดลง 3.05 ล้านบาท ทั้งนี้มีผลมาจากการลดลงของดอกเบี้ยรับ
ด้านค่าใช้จ่าย ค่าธรรมเนียมและบริการจ่ายเพิ่มขึ้นสุทธิ 6.83 ล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากการเพิ่มขึ้นในส่วนของค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายหลักทรัพย์ ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงไปตามปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ หนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มขึ้นสุทธิ 24.98 ล้านบาท โดยเป็นผลมาจากการตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญจากลูกหนี้มาร์จิ้นของบริษัท
ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 79.49 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้นร้อยละ 66.76 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา ส่วนใหญ่มาจากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงานและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ซึ่งสอดคล้องกับรายได้ของบริษัทที่เพิ่มสูงขึ้น