นางสุวรรณา พุทธประสาท รองกรรมการผู้จัดการ บมจ.ควอลิตี้ เฮ้าส์(QH) ชี้แจงผลการดำเนินงานของบริษัทและบริษัทย่อย สำหรับไตรมาส 1/53 สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค.53 ว่า มีรายได้รวม 5,039 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,806 ล้านบาท คิดเป็น 126% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 2,233 ล้านบาท เนื่องจากรายได้จากธุรกิจขายอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจอาคารสำนักงานให้เช่าเพิ่มขึ้น ส่วนธุรกิจอาคารที่พักอาศัยให้เช่ามีรายได้ลดลง
รายได้จากการขายบ้านพร้อมที่ดิน เพิ่มขึ้น 636 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 33% เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากสภาพอุปสงค์ของตลาดอสังหาริมทรัพย์ดีขึ้นกว่าปี 52 และประกอบกับลูกค้าตัดสินใจซื้อและโอนบ้าน เพราะคาดว่ารัฐบาลอาจจะไม่ขยายระยะเวลาการลดหย่อนค่าธรรมเนียมโอนและค่าจดจำนองอสังหาริมทรัพย์ตามนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจภาคอสังหาริมทรัพย์ที่จะหมดอายุในสิ้นเดือน มี.ค.53
นอกจากนี้ ในไตรมาสแรกของปีนี้ บริษัทและบริษัทย่อยได้เปิดขายโครงการ บ้านใหม่จำนวน 1 โครงการคือ โครงการคาซ่าซิตี้ พระรามสอง มูลค่าโครงการ 216 ล้านบาท และปิดโครงการบ้านที่ขายหมดแล้วจำนวน 1 โครงการ
ขณะที่รายได้จากการขายหน่วยในอาคารชุดพักอาศัย เพิ่มขึ้นจำนวน 1,980 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปี 52 ซึ่งไม่มียอดรายได้จากการขายหน่วยในอาคารชุดพักอาศัย ซึ่งมาจากโครงการคิว เฮ้าส์คอนโด สาทร ที่ก่อสร้างแล้วเสร็จและสามารถโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่ลูกค้าได้ตั้งแต่กลางเดือน ก.พ.53 ประกอบกับลูกค้ามีความต้องการซื้อและโอนหน่วยในอาคารพักอาศัย เพื่อใช้สิทธิในการลดหย่อนค่าธรรมเนียมโอนและค่าจดจำนองอสังหาริมทรัพย์
ส่วนรายได้จากค่าเช่าพื้นที่ในอาคารสำนักงานและค่าบริการที่เกี่ยวข้อง เพิ่มขึ้น 5 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 7% เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปี 52 เนื่องจากบริษัทมีลูกค้าเช่าพื้นที่โดยรวมเพิ่มขึ้น และ รายได้จากค่าเช่าพื้นที่ในอาคารพักอาศัยและค่าบริการที่เกี่ยวข้อง ลดลง 8 ล้านบาท หรือลดลง 4% เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปี 52 เนื่องจากสภาพตลาดโดยรวมของอาคารพักอาศัยให้เช่ายังคงชะลอตัว จากผลกระทบของสถานการณ์ความรุนแรงทางการเมืองที่ไม่สงบภายในประเทศไทยส่งผลให้นักท่องเที่ยวและนักลงทุนจากต่างประเทศเดินทางเข้าประเทศลดลงอย่างมาก
รายได้อื่นๆ เพิ่มขึ้น 193 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 965% เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปี 52 เนื่องจากบริษัทได้รับกำไรจากการขายเงินลงทุนใน บมจ.ควอลิตี้ คอนสตรัคชั่น โปรดัคส์(Q-CON)จำนวน 197 ล้านบาท และมีรายได้อื่นๆลดลงจำนวน 4 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทมีส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมตามวิธีส่วนได้เสียจำนวน 121 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 24 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 25% เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปี 52 โดยบริษัทมีส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม 4 แห่ง คือ บมจ. โฮมโปรดักส์ เซ็นเตอร์, บมจ.แอล เอช ไฟแนนซ์เชียล , บมจ. ควอลิตี้ คอนสตรัคชั่นโปรดัคส์กรุ๊ป และ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ควอลิตี้ เฮ้าส์
สำหรับต้นทุนขายรวมไตรมาส 1/53 เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปี 52 จำนวน 1,873 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 121% ตามยอดรายได้จากการขายบ้านพร้อมที่ดินและหน่วยในอาคารชุดพักอาศัยที่เพิ่มขึ้นจำนวน 473 ล้านบาท และ 1,405 ล้านบาท นอกจากนี้ ต้นทุนค่าเช่าและค่าบริการที่เกี่ยวข้องของอาคารสำนักงานเพิ่มขึ้น 1 ล้านบาท ต้นทุนค่าเช่าและค่าบริการที่เกี่ยวข้องของอาคารที่พักอาศัยลดลง 6 ล้านบาท ตามการเข้าพักอาศัยของลูกค้าที่ลดลง
ค่าใช้จ่ายในการขาย เพิ่มขึ้นจำนวน 27 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 35% เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปี 52 เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการขายและโฆษณาเพิ่มขึ้น 1 ล้านบาท ค่าภาษีธุรกิจเฉพาะและค่าธรรมเนียมโอนบ้านเพิ่มขึ้น6 ล้านบาท ค่าส่งเสริมการขายเพิ่มขึ้นจำนวน 20 ล้านบาท
ค่าใช้จ่ายในการบริหาร เพิ่มขึ้น 15 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 7% เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปี 52 เนื่องจากค่าใช้จ่ายสำนักงานเพิ่มขึ้นจำนวน 5 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายการดำเนินงานอื่นเพิ่มขึ้น 10 ล้านบาท ค่าตอบแทนกรรมการและผู้บริหารเพิ่มขึ้น 2 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 17% เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปี 52 เนื่องจากได้มีการกำหนดค่าตอบแทนและค่าเบี้ยประชุมกรรมการชุดต่างๆใหม่ตั้งแต่เดือน พ.ค.52
ค่าใช้จ่ายทางการเงิน ค่าใช้จ่ายทางการเงินประกอบด้วยดอกเบี้ยจ่าย ค่าธรรมเนียมธนาคาร และค่าที่ปรึกษาทางการเงิน ซึ่งในปี 53 ลดลง 23 ล้านบาท หรือลดลง 30% เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยจ่ายถัวเฉลี่ยของบริษัทและบริษัทย่อย ลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปี 52 ซึ่งส่งผลทำให้ดอกเบี้ยจ่ายของบริษัทและบริษัทย่อยโดยรวมลดลงเป็นจำนวนเงิน 47 ล้านบาท
ภาษีเงินได้นิติบุคคลในไตรมาส 1/53 เพิ่มขึ้น 226 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 240% เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันกับปี 52 เนื่องจากบริษัทและบริษัทย่อยมีผลประกอบการที่ดีขึ้น
ทั้งนี้ ในไตรมาส 1/53 บริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 710 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 243% เมื่อเปรียบเทียบกับผลการดำเนินงานงวดเดียวกันของปี 52