นางกมลวรรณ วิปุลากร รองกรรมการผู้จัดการ บมจ. ดิ เอราวัณ กรุ๊ป (ERAWAN) เปิดเผยว่า โรงแรมของบริษัทฯที่อยู่ในย่านราชประสงค์จำนวน 2 โรงแรม คือ โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ และ โรงแรมคอร์ทยาร์ดโดยแมริออท กรุงเทพ ได้รับผลกระทบโดยตรงมากที่สุด ซึ่งนับตั้งแต่เริ่มมีการชุมนุมที่แยกราชประสงค์ในวันที่ 3 เม.ย.และในที่สุดทั้ง 2 โรงแรมต้องปิดการให้บริการลงตั้งแต่กลางเดือน เมษายนจนถึงปัจจุบัน จากการประเมินความเสียหายทางธุรกิจเบื้องต้น บริษัทฯคาดว่ารายได้จากทั้ง 2 โรงแรม ในช่วงระยะเวลาที่มีการชุมนุมคือเดือนเม.ย.และพ.ค.นี้ จะลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีทีผ่านมา ประมาณ 150 ล้านบาท
ในขณะที่โรงแรมอื่นอีก 10 โรงแรมของบริษัทฯทั้งที่อยู่ในพื้นที่อื่นของกรุงเทพฯและที่ต่างจังหวัด (พัทยา สมุย และ ภูเก็ต) ก็ได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเช่นกัน ขณะนี้บริษัทฯ คาดว่าจะสามารถเปิดดำเนินการในส่วนของโรงแรม แกรนด์ ไฮแอท เอราวัณและโรงแรมคอร์ทยาร์ดโดยแมริออท กรุงเทพ ได้ภายในวันที่ 26 พ.ค.นี้
"ความสูญเสียที่เกิดขึ้นกับพื้นที่ราชประสงค์ขณะนี้ ถือเป็นความสูญเสียอย่างใหญ่หลวงของผู้ประกอบการในย่านนี้ทุกคนและของประเทศชาติโดยรวม เนื่องจากทุกธุรกิจที่อยู่ในพื้นที่นี้และพื้นที่ใกล้เคียง ได้รับผลกระทบโดยตรงอย่างรุนแรงในช่วงเวลาเกือบ 2 เดือนที่ผ่านมา "
บริษัทฯ คาดว่าการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจะใช้เวลาอย่างน้อย 6 เดือนหากไม่เกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้นอีก โดยคาดว่าอัตราการเข้าพักเฉลี่ยโดยรวมของโรงแรมทั้งหมดของบริษัทฯในปีนี้จะอยู่ที่ประมาณ 62% เปรียบเทียบกับระดับ 58% ในปี 2552 ที่ผ่านมา
บริษัทฯได้ปรับลดประมาณการรายได้รวมของทั้งกลุ่มจากประมาณการที่ตั้งไว้ตอนต้นปีลงประมาณ 20% แต่ยังคงสูงกว่ารายได้รวมของปี 2552 ที่ผ่านมาประมาณ 5% ซึ่งการเพิ่มขึ้นส่วนใหญ่จะมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ที่มาจากโรงแรมที่เปิดใหม่ในรอบ 24 เดือนที่ผ่านมา
สำหรับความคืบหน้าของโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาในปีนี้คือ โครงการโรงแรมไอบิส กรุงเทพ ริเวอร์ไซด์ ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งเป็นโรงแรมไอบิสแห่งที่ 7 ของบริษัทฯ ยังเป็นไปตามหมายกำหนดการเดิม โดยบริษัทฯคาดว่าจะสามารถเปิดดำเนินการได้ในเดือนพ.ย.นี้