นายสัมฤทธิ์ ตันติดิลกกุล กรรมการผู้จัดการ บมจ.ทรัพย์ศรีไทย (SST) แจ้งว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติขายทรัพย์สินมูลค่าไม่ต่ำกว่า 630 ล้านบาทให้แก่กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์แบบมีกรรมสิทธิ์ทรัพย์ศรีไทย ซึ่งอยู่ในระหว่างการดำเนินการขออนุมัติจัดตั้งกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)
ทรัพย์สินดังกล่าว ได้แก่ โกดังจำนวน 9 หลัง รวมพื้นที่ 15,340 ตารางเมตร ตั้งอยู่บนที่ดิน 9 ไร่ 2 งาน 65 ตารางวา ซึ่งโกดัง ทั้ง 9 หลังใช้เป็นคลังจัดเก็บเอกสาร และไม่มีภาระผูกพันในทรัพย์สิน
ทั้งนี้ ภายหลังจากที่ ก.ล.ต. ได้อนุมัติให้มีการจัดตั้งกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ แบบมีกรรมสิทธิ์ทรัพย์ศรีไทย และกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวได้ถูกจัดตั้งขึ้นแล้ว บริษัทฯ มีแผนที่จะเข้าซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์แบบมีกรรมสิทธิ์ทรัพย์ศรีไทยในจำนวนไม่เกิน 1 ใน 3 ของหน่วยลงทุนที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด
สำหรับประโยชน์ที่ได้จากการขายทรัพย์สินดังกล่าว เพื่อการขยายกิจการ เช่น การขยายขอบข่ายในการประกอบธุรกิจของบริษัท ทำให้บริษัทมีความมั่นคงมากยิ่งขึ้น โดยบริษัทมีแผนการใช้เงินที่ได้จากการขายทรัพย์สิน เพื่อลงทุนในอุตสาหกรรมผลิตน้ำมันพืช และธุรกิจคลังเอกสาร
นอกจากนี้ คณะกรรมการได้อนุมัติในหลักการดำเนินการเช่าทรัพย์สิน (lease back) จากกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์แบบมีกรรมสิทธิ์ทรัพย์ศรีไทย และอนุมัติซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ แบบมีกรรมสิทธิ์ ทรัพย์ศรีไทย โดยมอบหมายให้ให้คณะกรรมการบริหารมีอำนาจพิจารณาอนุมัติกำหนดรายละเอียดต่างๆ รวมถึงการเข้าเจรจาทำความตกลงต่างๆ ในเรื่องการเช่าทรัพย์สิน (lease back)
พร้อมอนุมัติแต่งตั้ง บริษัท แอดไวเซอรี่ พลัส จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงินอิสระเพื่อให้ความเห็นเกี่ยวกับการทำรายการได้มาและจำหน่ายไปซึ่งทรัพย์สินของบริษัทฯ ให้แก่กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์แบบมีกรรมสิทธิ์ทรัพย์ศรีไทย ซึ่งอยู่ระหว่างการขออนุญาตจัดตั้งต่อสำนักงาน ก.ล.ต รวมถึงหน้าที่อื่นใดตามที่กฎหมายกำหนด
และ อนุมัติโครงการร่วมลงทุนระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง (Employee Joint Investment Program : "EJIP") ซึ่งเป็นไปตามประกาศ ก.ล.ต. มีอายุโครงการตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.53-31 ก.ค.55 รวมระยะเวลา 2 ปี
กำหนดวันประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 2/53 ในวันพุธที่ 14 ก.ค.53 และกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิเข้าร่วมประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 2/53 ในวันที่ 23 มิ.ย.53 (Record Date) และให้รวบรวมรายชื่อตาม ม. 225 ของ พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ โดยวิธีปิดสมุดทะเบียนในวันที่ 24 มิ.ย.53