บมจ. บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 3 ก.ย.53 มีมติลดทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ จากเดิม 65,142,190,902 บาท เป็น 41,691,002,177.28 บาท และทุนชำระแล้วของบริษัทฯ จากเดิม 55,889,275,885 บาท เป็น 35,769,136,566.40 บาท โดยการลดมูลค่าที่ตราไว้ของหุ้นจาก 1.00 บาทต่อหุ้น เป็น 0.64 บาทต่อหุ้น
การลดมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ บริษัทฯ จะนำไปล้างส่วนต่ำมูลค่าหุ้นและผลขาดทุนสะสม ซึ่งการลดผลขาดทุนสะสมจะเพิ่มความสามารถของบริษัทฯ ในการจ่ายเงินปันผลในอนาคต โดยบริษัทฯ มีขาดทุนสะสม 4.6 พันล้านบาท และส่วนต่ำมูลค่าหุ้น 16.8 พันล้านบาทตามงบการเงินเฉพาะกิจการ
และลดทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ โดยการตัดหุ้นที่ยังไม่ได้ออกจำหน่ายของบริษัทฯไม่ได้ออกจำหน่ายของบริษัทฯบาท จากเดิมทุนจดทะเบียน 41,691,002,177.28 บาท เป็น 38,986,416,853.12 บาท
จากนั้นเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ อีกจำนวน 10,433,835,415.68 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิม 8,986,416,853.12 บาท เป็นจำนวน 49,420,252,268.80 บาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 16,302,867,837 หุ้น มูลค่าที่ตรา ไว้หุ้นละ 0.64 บาท
เพื่อรองรับการใช้สิทธิในหุ้นกู้แปลงสภาพ 12,500,000,000 หุ้น และจำนวนไม่เกิน 3,802,867,837 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.64 บาท ในราคาหุ้นละไม่ต่ำกว่า 0.80 บาท จัดสรรให้แก่กลุ่มบุคคลเฉพาะเจาะจง ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้น บมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ(BTSC) (ที่ไม่รวมถึงบริษัทฯ) ที่มีรายชื่อเป็นผู้ถือหุ้น ณ วันที่บริษัทฯ จะออกหุ้นสามัญเพิ่มทุน
นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัท อนุมัติการออกและเสนอขายหุ้นกู้แปลงสภาพ และ/หรือหุ้นกู้ เป็นทางเลือกในการระดมทุนด้านอื่นเพื่อลดภาระหุ้นกู้ มูลค่ารวมไม่เกิน 10,000 ล้านบาท หรือในเงินสกุลอื่นในจำนวนเทียบเท่า อายุ ไม่เกินกว่า 5 ปี นับแต่วันออกหุ้นกู้แปลงสภาพ หรือ ดอกเบี้ยของบริษัทฯ จากเงินกู้ธนาคารพาณิชย์ ซึ่ง กู้ยืมมาใช้ในการเข้าซื้อกิจการ BTSC
ปัจจุบันบริษัทฯ ยังมียอดเงินกู้อยู่จำนวนประมาณ 8,753.7 ล้านบาท ซึ่งเงินกู้นี้มีอัตราดอกเบี้ยลอยตัว และค่อนข้างสูง ทั้งนี้ ภาระดอกเบี้ยที่ลดลงจะมีผลทำให้บริษัทฯ มีสภาพคล่องและฐานะทางการเงินที่มั่นคงยิ่งขึ้น สามารถบริหารเงินสดได้อย่าง คล่องตัวมากขึ้น และมีผลประกอบการที่ดีขึ้น และสามารถใช้สำหรับวัตถุประสงค์อื่นๆ ของบริษัทฯ รวมถึงการลงทุนในโครงการต่าง ๆ ของบริษัทฯ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
ทั้งนี้ กำหนดวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นเพื่อการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 2/2553 (Record Date) ในวันที่ 6 ตุลาคม 2553 และให้รวบรวมรายชื่อผู้ถือหุ้นตามมาตรา 225 ของพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และ ตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 (รวมทั้งที่มีการแก้ไขเพิ่มเติม) โดยวิธีปิดสมุดทะเบียนและพักการโอนหุ้นในวันที่ 7 ตุลาคม 2553 และมอบหมายให้คณะกรรมการบริหารมีอำนาจในการพิจารณาแก้ไขกำหนดวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นเพื่อการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 2/2553 (Record Date) และวันรวบรวมรายชื่อผู้ถือหุ้นตามมาตรา 225 ของพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 (รวมทั้งมีการแก้ไขเพิ่มเติม) ตามความเหมาะสมโดยพิจารณาความจำเป็นและประโยชน์ที่มีต่อบริษัทฯ เป็นสำคัญ