บมจ.แสนสิริ (SIRI) แจ้งว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2553 ได้มีมติอนุมัติให้ยกเลิกแผนการเพิ่มทุนและหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่จะจัดสรรให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) เป็นจำนวนทั้งสิ้น 1,398 ล้านหุ้น
ทั้งนี้ หุ้นสามัญที่ออกใหม่ตามแผนการเพิ่มทุนดังกล่าวได้รับอนุมัติจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2552 เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2552 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยมติที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 15/2553 เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2553 ตามลำดับ โดยคณะกรรมการจะนำเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นในการประชุมใหญ่สามัญผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ในปี 2554 เพื่อพิจารณาลดทุนจดทะเบียนที่สำรองไว้ตามแผนดังกล่าวต่อไป
การพิจารณาอนุมัติยกเลิกแผนเพิ่มทุนดังกล่าว เป็นผลสืบเนื่องมาจากเหตุหลายประการ ได้ก่ ปัจจุบันบริษัทฯ มีกระแสเงินสดและสภาพคล่องที่เกิดจากการดำเนินธุรกิจสูงกว่าที่ประมาณการณ์ไว้ , บริษัทฯ ประสบความสำเร็จในการระดมทุนผ่านช่องทางอื่น อันได้แก่ การออกและเสนอขายหุ้นกู้
รวมทั้ง บริษัทฯได้ทำการออกและเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญ (Warrant) ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทฯ (SIRI-W1) เป็นจำนวนรวม 736.79 ล้านหน่วย มีอายุ 5 ปี โดยมีราคาใช้สิทธิเท่ากับ 5.20 บาทต่อหุ้น ใช้สิทธิได้ในระหว่างปี 2555 — 2558 ซึ่งหากมีการใช้สิทธิทั้งหมดจะทำให้สามารถระดมทุนเพิ่มได้อีกประมาณ 3,800 ล้านบาท
นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัทอนุมัติการเปลี่ยนแปลงมาตรฐานบัญชีเรื่องการรับรู้รายได้จากการขายโครงการ นับตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ของปีบัญชี 2553 เป็นต้นไป บริษัทฯ และบริษัทย่อยจะทำการเปลี่ยนแปลงนโยบายบัญชีเกี่ยวกับการรับรู้รายได้จากการายอสังหาริมทรัพย์ (ที่ดินและ/หรือสิ่งปลูกสร้าง) ซึ่งรับรู้เป็นรายได้ตามอัตราส่วนของงานที่ทำเสร็จ และการรับรู้รายได้จากการขายหน่วยในอาคารชุดจากตามค่างวดที่ได้รับชำระ ซึ่งจะรับรู้รายได้เมื่อมีการทำสัญญาจะซื้อจะขายไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ของพื้นที่ที่เปิดขาย และได้รับชำระไม่น้อยกว่าร้อยละ20 ของสัญญา
เปลี่ยนเป็น วิธีรับรู้รายได้ทั้งจำนวนเมื่อมีการโอนความเสี่ยงและผลตอบแทนที่มีสาระสำคัญ กล่าวคือ เมื่องานก่อสร้างเสร็จตามสัญญาและมีการโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่ผู้ซื้อหลังจากได้รับชำระจากผู้ซื้อครบถ้วนแล้ว เพื่อให้เป็นไปในแนวทางเดียวกันกับมาตรฐานการบัญชีระหว่างประเทศ