สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (6 ต.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์ที่ยังคงอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ และหลังจากทางการสหรัฐเปิดเผยว่าสต็อกน้ำมันเบนซินในรอบสัปดาห์ที่แล้วร่วงลงเกินคาด ซึ่งข้อมูลดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลจากรายงานที่ว่าภาคเอกชนในสหรัฐลดการจ้างงานลงอย่างหนักในเดือนก.ย.
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนพ.ย.ดีดขึ้น 41 เซนต์ ปิดที่ 83.23 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 82.29- 84.09 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์เดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 0.52 เซนต์ ปิดที่ 2.3078 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนพ.ยงดีดขึ้น 3.04 เซนต์ ปิดที่ 2.1559 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนพ.ย.ปรับตัวขึ้น 22 เซนต์ ปิดที่ 85.06 ดอลลาร์/บาร์เรล
ตลาดน้ำมันนิวยอร์กได้แรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง อันเนื่องมาจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (Quantitative Easing) หรือ QE ด้วยการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบการเงิน ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะยิ่งทำให้สกุลเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงอีก
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังดีดตัวขึ้นหลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันเบนซินในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 1 ต.ค.ร่วงลง 2.65 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 219.94 ล้านบาร์เรล มากว่าที่คาดว่าจะลดลงเพียง 200,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่นลดลง 1.12 ล้านบาร์เรล มาอยู่ที่ระดับ 172.47 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขยับลงเพียง 900,000 บาร์เรล
อย่างไรก็ตาม สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่แล้ว พุ่งขึ้น 3.09 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 360.95 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะขยับขึ้นเพียง 300,000 บาร์เรล ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันลดลง 2.7% มาอยู่ที่ระดับ 83.1%
รายงานสต็อกน้ำมันเบนซินที่ร่วงลงเกินคาดและการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์สามารถลดผลกระทบจากรายงานของ ADP Employer Services ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยด้านตลาดแรงงานในสหรัฐที่ระบุว่า ภาคเอกชนทั่วประเทศสหรัฐลดการจ้างงานลง 39,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. เมื่อเทียบกับเดือนส.ค.ที่เพิ่มการจ้างงาน 10,000 ตำแหน่ง และสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าภาคเอกชนจะเพิ่มการจ้างงาน 24,000 ตำแหน่ง