นายชานนทน์ ภู่เจริญยศ เจ้าหน้าที่บริหาร เจเอสพี ฟิวเจอร์ส โบรกเกอร์ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า (AFET) กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการยื่นขออนุญาตเลิกประกอบธุรกิจการซื้อขายล่วงหน้า หลังจากบริษัทประสบปัญหาสภาพคล่องทางการเงินเมื่อกลางปีที่แล้ว จากปัญหาหนี้สินค้างชำระของลูกค้าและบริษัทไม่สามารถเพิ่มทุนจดทะเบียนเพื่อรองรับหนี้เสียส่วนนั้นได้ ซึ่งบริษัทได้แก้ไขปัญหาสภาพคล่องโดยการกู้เงินจากตลาดเอเฟตในวงเงิน 27 ล้านบาทแทนการเพิ่มทุน แต่เป็นการแก้ไขที่ไม่เข้าหลักเกณฑ์ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับการซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า (ก.ส.ล.) บริษัทจึงถูกพักใช้ใบอนุญาติการเป็นโบรกเกอร์ตั้งแต่สิงหาคมปีที่แล้ว จนถึงวันนี้บริษัทยังไม่สามารถเพิ่มทุนได้สำเร็จประกอบกับตลาดเอเฟตยังไม่ได้รับความสนใจจากผู้ผลิตผู้ใช้สินค้าเกษตรและนักลงทุนเท่าที่ควร จะเห็นได้จากตลาด AFET เปิดมาแล้วกว่า 6 ปี แต่วันนี้ปริมาณสัญญาซื้อขายยังไม่เกินวันละ 1,000 สัญญา
ส่วนการกู้เงินจากตลาด AFET นั้น ตนเองในฐานะผู้ค้ำประกันบริษัทเจเอสพีได้ชำระหนี้ของบริษัทประมาณ 30 ล้านบาทคืนแก่ตลาด AFET เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่วันที่ 30 กันยายน 2553 ที่ผ่านมา จากนี้ไปบริษัทจะเป็นการตามติดตามเร่งรัดหนี้สินที่ลูกค้ายังค้างชำระบริษัท ซึ่งบริษัทจะส่งมอบให้ฝ่ายกฎหมายดำเนินการต่อไป
ในส่วนที่ ก.ส.ล. มีการกล่าวโทษตนเองกับเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทคนอื่นๆ ก็คงต้องว่ากันไปตามกฎหมายทีละประเด็น ฉะนั้นแม้บริษัทและตัวเองจะหมดภาระกับตลาดเอเฟตแล้ว แต่ปัญหากับ ก.ส.ล. ยังไม่จบ
"ผมยินดีชี้แจงและต่อสู้การกล่าวโทษจาก ก.ส.ล. ทุกประการ เพราะผมและพนักงานบริษัททุกคนไม่เคยทุจริตคดโกงและลูกค้าของเราทุกคนไม่มีความเสียหาย ซึ่งถ้าผมทำงานโดยเจตนาทุจริต ผมไม่จ่ายเงิน 30 ล้านคืนตลาด AFET วันนี้แน่นอน"นายชานนทน์ กล่าว