หนังสือพิมพ์ไชน่าเดลี่รายงานโดยอ้างการเปิดเผยของผู้เชี่ยวชาญในแวดวงอุตสาหกรรมทองคำในวันนี้ว่า ราคาทองคำในตลาดโลกมีแนวโน้มทะยานขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลมาจากการคาดการณ์ที่ว่าสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐจะอ่อนค่าลงอีก นอกจากนี้ ความไม่แน่นอนของแนวโน้มเศรษฐกิจโลกจะเป็นอีกปัจจัยที่กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง
อัลเบิร์ต เฉิน กรรมการผู้จัดการฝ่ายกิจการภาคตะวันออกไกลของสภาทองคำโลก (World Gold Council - WGC) กล่าวว่า ราคาทองคำในตลาดโลกจะพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้ราคาได้ปรับตัวขึ้นไปแล้ว 23% ในปีนี้ก็ตาม
ไชน่าเดลี่ระบุว่า สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1,366 ดอลลาร์/ออนซ์ ในการซื้อขายระหว่างวันเมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้ว เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อทองคำเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในช่วงที่สกุลเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ
"ตลาดทองคำได้แรงหนุนจากกระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับความไม่นอนของเศรษฐกิจสหรัฐ ซึ่งรวมถึงตัวเลขจ้างงานที่ร่วงลงเกินคาด โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนก.ย.ร่วงลง 95,000 ตำแหน่ง" นายเฉินกล่าว
นายหลี่ เหม่ายู นักวิเคราะห์จากฉางเจียงซิเคียวริตีส์ คาดการณ์ว่า ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐมีแนวโน้มอ่อนตัวลงอีกเนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐยังไร้ทิศทาง ขณะที่นักวิเคราะห์จาก WGC กล่าวว่า ทุกครั้งที่ค่าเงินดอลลาร์อ่อนตัวลง นักลงทุนจะเพิ่มพอร์ทการลงทุนในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ รวมถึงทองคำ นอกจากนี้ การพุ่งขึ้นของราคาทองคำในตลาดโลกยังส่งผลให้ปริมาณการผลิตทองคำในจีนปรับตัวเพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งจีนเป็นประเทศที่มีการทำเหมืองทองคำรายใหญ่สุดของโลก
สำนักข่าวซินหัวรายงานโดยอ้างข้อมูลของกระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศจีนว่า ผลผลิตทองคำของจีนในช่วง 8 เดือนแรกปีนี้มีอยู่ทั้งสิ้น 217.95 ตัน เพิ่มขึ้น 8.85% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว