สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดลดลงเมื่อคืนนี้ (15 ต.ค.) หลังจากที่เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น ขณะที่ภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐยังไม่มีความชัดเจน โดยล่าสุดภาคธุรกิจธนาคารในสหรัฐส่อเค้าเผชิญวิกฤตการณ์ระลอกใหม่เกี่ยวกับปัญหาการทุจริตรับจำนอง
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนพ.ย.ลดลง 1.44 ดอลลาร์ ปิดที่ 81.25 ดอลลาร์/บาร์เรล
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนพ.ย.ลดลง 5.31 เซนต์ ปิดที่ 2.2308 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนพ.ย.ลดลง 12.2 เซนต์ ปิดที่ 2.1038 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนพ.ย.ลดลง 1.75 ดอลลาร์ ปิดที่ 82.45 ดอลลาร์/บาร์เรล
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง ในขณะที่เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินยูโรและเงินปอนด์ หลังจากที่อ่อนค่ามานานนับตั้งแต่ที่เบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เริ่มออกมาส่งสัญญาณเป็นครั้งแรกว่า เฟดพร้อมที่จะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ซึ่งเมื่อคืนนี้เบอร์นันเก้ได้ออกมาแถลงยืนยันถึงจุดยืนดังกล่าวอีกครั้งในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์เกี่ยวกับนโยบายการเงิน ณ ที่ทำการเฟดสาขาบอสตัน
นอกเหนือจากปัจจัยเรื่องการแข็งค่าของเงินดอลลาร์แล้ว สัญญาน้ำมันยังได้รับผลกระทบจากความวิตกกังวลระลอกใหม่ในภาคธุรกิจธนาคารของสหรัฐ หลังมีข่าวอื้อฉาวเรื่องการทุจริตรับจำนองของสถาบันการเงินในสหรัฐ ซึ่งเมื่อวานนี้ ทางสำนักงานอัยการและเจ้าหน้าที่ฝ่ายกำกับดูแลด้านการธนาคารใน 49 รัฐของสหรัฐและเมืองวอชิงตันดีซี ได้เดินหน้าตรวจสอบเพื่อหาหลักฐานว่า สถาบันการเงินในสหรัฐดำเนินการอย่างถูกต้องตามขั้นตอนหรือไม่ ก่อนที่จะยึดบ้านที่หลุดจำนองของประชาชนที่ผิดนัดชำระหนี้
ขณะเดียวกัน สัญญาน้ำมันเผชิญกับปัจจัยลบจากการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจของกระทรวงแรงงานสหรัฐที่ระบุว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคขยับขึ้นเพียง 0.1% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบกับที่เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนก่อนหน้านี้ ขณะที่ราคาก๊าซขยายตัว 0.7% ในเดือนที่แล้ว