สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้นกว่า 1% เมื่อคืนนี้ (22 ต.ค.) หลังจากที่ปิดร่วงลงเกือบ 2% ในวันพฤหัสบดี โดยตลาดได้รับแรงบวกจากเหตุประท้วงของสหภาพแรงงานในฝรั่งเศส และการคาดการณ์ว่าพายุเฮอริเคนที่กำลังก่อตัวขึ้นอาจสร้างความเสียหายให้กับแท่นผลิตน้ำมันในอ่าวเม็กซิโก ขณะที่รายงานดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจเยอรมันประจำเดือนต.ค.ที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 ปีครึ่ง ก็เป็นปัจจัยหนุนราคาน้ำมันเช่นกัน
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ดีดขึ้น 1.13 ดอลลาร์ หรือ 1.4% ปิดที่ 81.69 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนไหวระหว่าง 80.41 - 81.78 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์เดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 3.71 เซนต์ ปิดที่ 2.2516 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 2.28 เซนต์ ปิดที่ 2.0638 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอนส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 1.13 ดอลลาร์ ปิดที่ 82.96 ดอลลาร์/บาร์เรล
ทั้งนี้ มีกระแสคาดการณ์ว่า ฝรั่งเศสอาจต้องนำเข้าน้ำมันเพิ่มขึ้น เนื่องจากการผละงานประท้วงการปฏิรูประบบบำนาญโดยสหภาพแรงงานหลายกลุ่ม ซึ่งรวมถึงคนงานที่โรงกลั่นน้ำมันและท่าเรือขนส่งน้ำมัน ทำให้สถานีบริการน้ำมันหลายพันแห่งทั่วประเทศขาดแคลนน้ำมัน ส่งผลให้ฝรั่งเศสต้องนำเข้าน้ำมันเป็นจำนวนมากและนำน้ำมันสำรองมาใช้เพื่อบรรเทาภาวะขาดแคลนดังกล่าว
โดยล่าสุด วุฒิสภาฝรั่งเศสได้มีมติรับร่างกฏหมายปฏิรูประบบบำนาญที่กำหนดให้เพิ่มอายุเกษียณขั้นต่ำจาก 60 เป็น 62 ปีแล้วเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา ด้วยคะแนน 177 ต่อ 153 เสียง หลังจากที่มีการอภิปรายถกเถียงกันมาอย่างยืดเยื้อ ท่ามกลางการต่อต้านจากประชาชน
ด้านสหภาพแรงงานต่างๆ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากพรรคฝ่ายค้าน ประกาศในวันเดียวกันนี้ว่า จะผละงานและชุมนุมประท้วงอีกครั้งในวันที่ 28 ตุลาคม และ 6 พฤศจิกายนนี้
ขณะเดียวกันมีการคาดการณ์ว่า พายุโซนร้อนริชาร์ดในทะเลแคริบเบียนจะทวีความรุนแรงขึ้นเป็นเฮอริเคนในช่วงสุดสัปดาห์นี้ และอาจเคลื่อนตัวสู่แท่นผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในอ่าวเม็กซิโก
ด้านสถาบัน Ifo เปิดเผยวานนี้ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของเยอรมนีเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 107.6 จุดในเดือนต.ค. จากระดับ 106.8 จุดในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน และถือเป็นสถิติที่สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2550 ซึ่งบ่งชี้ถึงระดับการขยายตัวในช่วง 6 เดือนข้างหน้านี้
สำหรับสถานการณ์ค่าเงินนั้นยังไม่แน่นอน โดยนักลงทุนรอดูผลการประชุมรมว.คลังและผู้ว่าแบงก์ชาติกลุ่มจี20 ช่วงสุดสัปดาห์นี้ อย่างไรก็ตาม มีแนวโน้มว่าที่ประชุมจะไม่สามารถตกลงกันได้ หลังจากที่ นายทิโมธี ไกธ์เนอร์ รมว.คลังสหรัฐ ได้เสนอให้ประเทศสมาชิกจำกัดยอดเกินดุลหรือขาดดุลบัญชีเดินสะพัดให้อยู่ที่ 4% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) แต่ข้อเสนอดังกล่าวถูกปฏิเสธจากญี่ปุ่นและเยอรมนี