สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (26 ต.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคทะยานขึ้นเกินคาดในเดือนต.ค. แต่ภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างซบเซา หลังจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐดีดตัวขึ้นและสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาบ้านที่ร่วงลงในเดือนส.ค. นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการคาดการณ์ที่ว่าสต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่แล้วของสหรัฐจะปรับตัวสูงขึ้น
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ขยับขึ้น 3 เซนต์ ปิดที่ 82.55 ดอลลาร์/ออนซ์
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์เดือนพ.ย.ลดลง 0.5 เซนต์ ปิดที่ 2.2500 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 1.67 เซนต์ ปิดที่ 2.0940 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 12 เซนต์ ปิดที่ 83.66 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบได้แรงหนุนหลังจากคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด ซึ่งเป็นองค์กรวิจัยเอกชนของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนต.ค.ของสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 50.2 จุด จากเดือนก.ย.ที่ระดับ 48.6 จุด มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 49.2 จุด
อย่างไรก็ตาม สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ รายงานราคาบ้านที่ร่วงลงในสหรัฐ รวมทั้งกระแสคาดการณ์ที่ว่าสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะพุ่งขึ้นนั้น ได้ส่งผลให้บรรยากาศการซื้อขายเป็นไปอย่างซบเซา โดยสต็อกน้ำมันดิบที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นสะท้อนให้เห็นว่า ภาวะเศรษฐกิจที่เปราะบางของสหรัฐยังคงเป็นสาเหตุที่ทำให้ดีมานด์พลังงานภายในประเทศหดตัวลงด้วย
สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์เปิดเผยว่า ดัชนีราคาบ้านเดือนส.ค.ใน 20 เขตเมืองของสหรัฐ ลดลง 0.3% เมื่อเทียบกับเดือนก.ค. หลังจากนโยบายลดหย่อนภาษีแก่ผู้ซื้อบ้านหมดอายุลง ซึ่งสวนทางกับในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาที่ตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐมีธุรกรรมการซื้อขายที่คึกคักเพราะได้แรงหนุนจากนโยบายลดหย่อนภาษีแก่ผู้ซื้อบ้าน
นักวิเคราะห์คาดว่า ราคาน้ำมันจะยังเคลื่อนไหวอยู่เหนือระดับ 80 ดอลลาร์/บาร์เรล หากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตัดสินใจประกาศใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในการประชุมวันที่ 2-3 พ.ย.นี้
นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 22 ต.ค. ซึ่งทางสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐจะเปิดเผยในวันพุธนี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าสต็อกน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้น 1.4 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะลดลง 1.9 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินจะเพิ่มขึ้น 500,000 บาร์เรล และอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันจะเพิ่มขึ้น 0.3%