สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (28 ต.ค.) เนื่องจากการร่วงลงของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐได้กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาน้ำมันดิบ นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐที่ร่วงลงเกินคาดในรอบสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งทำให้นักลงทุนคาดว่าการฟื้นตัวของตลาดแรงงานจะช่วยหนุนดีมานด์พลังงานเพิ่มขึ้นด้วย
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 24 เซนต์ หรือ 0.29% ปิดที่ 82.18 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 81.50-82.64 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์เดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 0.52 เซนต์ ปิดที่ 2.2435 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 1.19 เซนต์ ปิดที่ 2.1139 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 43 เซนต์ ปิดที่ 83.59 ดอลลาร์/บาร์เรล
นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาน้ำมันดิบหลังจากดัชนี Dollar Index ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับ 6 สกุลเงินที่เป็นคู่ค้าของสหรัฐ ร่วงลง 0.8% อันเนื่องมาจากการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐจะใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในการประชุมสัปดาห์หน้า ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะยิ่งทำให้สกุลเงินดอลลาร์มีมูลค่าลดลงอีก
นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการระหว่างว่างงานในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 23 ต.ค. ร่วงลง 21,000 ราย แตะระดับ 434,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือน และเป็นการปรับตัวลงติดต่อกันสองสัปดาห์ สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นแตะระดับ 453,000 ราย
บริษัทหลายแห่งของสหรัฐกำลังเพิ่มการจ้างงาน รวมถึงบริษัท โนวาร์ติส เอจี ซึ่งเป็นบริษัทเวชภัณฑ์ที่วางแผนเพิ่มการจ้างงานใหม่ 300 ตำแหน่ง และลงทุนเพิ่มอีก 600 ล้านดอลลาร์ และบริษัท คุมมินส์ อิงค์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องจักรที่วางแผนขยายสำนักงานในรัฐอินเดียนา และจะเพิ่มการจ้างงานอย่างน้อย 350 ตำแหน่ง
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า สภาพอากาศที่หนาวเย็นอาจทำให้ความต้องการเชื้อเพลิง โดยเฉพาะฮีทติ้งออยล์ ปรับตัวสูงขึ้น
สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 22 ต.ค. พุ่งขึ้น 5.01 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 366.2 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 1.4 ล้านบาร์เรล หลังจากสหรัฐนำเข้าน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 863,000 บาร์เรล/วัน แตะระดับ 9.43 ล้านบาร์เรล/วัน
ขณะที่สต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 4.39 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 214.9 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่คาดว่า จะเพิ่มขึ้น 500,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่นลดลง 1.61 ล้านบาร์เรล แตะที่ 168.4 ล้านบาร์เรล น้อยกว่าที่คาดว่าจะลดลง 1.9 ล้านบาร์เรล ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันเพิ่มขึ้น 0.2% น้อยกว่าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2%
นักลงทุนจับตาดูการประเมินตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 3 เบื้องต้น ซึ่งทางการสหรัฐจะเปิดเผยในวันศุกร์นี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจีดีพีจะขยายตัวในอัตรา 2% เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2 ที่ขยายตัวเพียง 1.7%