สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (2 พ.ย.) เพราะได้แรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ อันเป็นผลมาจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณด้วยการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบการเงินเพื่อหนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ แต่การดำเนินการดังกล่าวจะส่งผลให้สกุลเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงอีก
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 95 เซนต์ ปิดที่ 83.90 ดอลลาร์/บาร์เรล
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์เดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 1.59 เซนต์ ปิดที่ 2.2936 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 1.67 เซนต์ ปิดที่ 2.1096 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 79 เซนต์ ปิดที่ 85.41 ดอลลาร์/บาร์เรล
ภาวะการซื้อขายในตลาดน้ำมันนิวยอร์กยังคงคึกคัก โดยสัญญาน้ำมันดิบทะยานขึ้นปิดในแดนบวกติดต่อกัน 2 วันทำการ เพราะได้ปัจจัยบวกจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลง โดยดัชนีดอลลาร์ (dollar index) ร่วงลง 0.7% เมื่อเทียบกับ 6 สกุลเงินที่เป็นคู่ค้าหลักของสหรัฐเมื่อวานนี้ อันเป็นผลมาจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะประกาศใช้มาตรการ QE รอบสอง ด้วยการอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจผ่านการเข้าซื้อพันธบัตรในการประชุมซึ่งจะเสร็จสิ้นในคืนวันพุธที่ 3 พ.ย.ตามเวลาประเทศไทย ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนตัวลงอีก
นักวิเคราะห์ด้านพลังงานในตลาดสหรัฐกล่าวว่า ตลาดน้ำมันนิวยอร์กจะตอบรับผลการประชุมเฟดมากน้อยเพียงใดนั้น จะขึ้นอยู่กับวงเงินการเข้าซื้อพันธบัตรในครั้งนี้ โดยมีการคาดการณ์ในวงกว้างว่า เฟดจะเข้าซื้อพันธบัตรด้วยวงเงินอย่างน้อย 5 แสนล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ ตลาดน้ำมัน NYMEX ยังได้แรงหนุนจากการที่นายอาลี อัล ไนมี รมว.พลังงานซาอุดิอาระเบียกล่าวว่า ซาอุดิอาระเบียพอใจกับราคาน้ำมันดิบที่เคลื่อนไหวระหว่าง 70-90 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่ซาอุดิอาระเบียปรับฐานการประเมินราคาน้ำมันดิบ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้แสดงความพอใจกับระดับราคาน้ำมันที่ 70-80 ดอลลาร์/บาร์เรลเท่านั้น
นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เชื่อว่า ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มพุ่งขึ้นแตะระดับ 90 ดอลลาร์/บาร์เรล อันเนื่องมาจากหลากหลายปัจจัย รวมถึงการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และความเป็นไปได้ที่รัฐบาลและธนาคารกลางสหรัฐจะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันดิบซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยในวันพุธนี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า สต็อกน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้น 1.4 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะลดลง 1.2 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินจะเพิ่มขึ้น 100,000 บาร์เรล นอกจากนี้ คาดว่าอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันจะเพิ่มขึ้น 0.2%